ทั้งนี้ IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนเม.ย.ที่ 3.1%
IMF ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการ เช่น การแข็งค่าของดอลลาร์ และสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ขณะที่การประท้วงของคนงานที่ท่าเรือชายฝั่งตะวันตก และการทรุดตัวของการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน รวมทั้งการดิ่งลงของราคาพลังงาน ได้ฉุดการเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้
IMF ระบุว่า แนวโน้มการขยายตัวที่ซบเซาของสหรัฐ บ่งชี้ว่าเฟดควรเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
ขณะเดียวกัน IMF ยังเตือนว่าภาคการเงินของสหรัฐกำลังเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดประกันและตลาดเงิน ขณะที่นักลงทุนพากันนำเงินเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อแสวงหาอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ นอกจากนี้ IMF ยังเตือนสหรัฐให้หลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ ซึ่งจะทำให้มีการปิดที่ทำการของรัฐบาล และส่งผลกระทบฐานะการคลังและเศรษฐกิจของสหรัฐ