ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ทุนสำรองสกุลเงินต่างประเทศในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 2.22 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 3% โดยเป็นการลดลงมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในรายไตรมาสนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2552
ในหลายประเทศที่มีการขยายตัวอย่างอ่อนแรง ทุนสำรองต่ำและสกุลเงินอ่อนค่าลง ต่างมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยมีความกังวลว่าหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ ก็จะดึงดูดเม็ดเงินที่เคยลงทุนอยู่ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ให้หลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐ
ดังนั้น ประเทศที่มีทุนสำรองอยู่ในระดับต่ำเกินกว่าจะรับแรงเสียดทานจากภายนอก ก็จะเผชิญแรงกดดันช่วงขาลงมากขึ้นต่อสกุลเงินของประเทศเหล่านั้น ซึ่งมักจะมีมูลค่าต่ำอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ไม่ได้วิตกมากนักกับการลดลงของทุนสำรองดังกล่าว เนื่องจากทุนสำรองสกุลเงินต่างประเทศในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ยังคงอยู่ที่ราวระดับสูงเป็นประวัติการณ์ นักวิเคราะห์จึงมั่นใจว่าประเทศเกิดใหม่โดยรวมจะอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในการรับมือกับวิกฤตจากนอกประเทศ