อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.8% ในปีหน้า โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป
ทั้งนี้ ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) นั้น IMF ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะต่ำสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนและประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐและประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤตการณ์
IMF เตือนว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ ขณะที่จีนทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยมีความเสี่ยงในช่วงขาลงซึ่งแสดงให้เห็นจากภาวะผันผวนในตลาดการเงินระยะนี้
นอกจากนี้ IMF ยังระบุว่า วิกฤตการณ์ในกรีซเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของยุโรป
ขณะเดียวกัน IMF เปิดเผยว่า การขยายตัวของประเทศที่กำลังพัฒนาได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำลง และภาวะทางการเงินที่ตึงตัวที่เกี่ยวข้องกับการปรับสมดุลเศรษฐกิจของจีน รวมทั้งภาวะความขัดแย้งทางการเมืองในภูมิภาคหลายแห่ง
ในรายงานประจำปีของ IMF ที่เปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้ว IMF ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
ทั้งนี้ IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนเม.ย.ที่ 3.1%
IMF ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการ เช่น การแข็งค่าของดอลลาร์ และสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ขณะที่การประท้วงของคนงานที่ท่าเรือชายฝั่งตะวันตก และการทรุดตัวของการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน รวมทั้งการดิ่งลงของราคาพลังงาน ได้ฉุดการเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้
IMF ระบุว่า แนวโน้มการขยายตัวที่ซบเซาของสหรัฐ บ่งชี้ว่าเฟดควรเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
ขณะเดียวกัน IMF ยังเตือนว่าภาคการเงินของสหรัฐกำลังเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดประกันและตลาดเงิน ขณะที่นักลงทุนพากันนำเงินเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อแสวงหาอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ นอกจากนี้ IMF ยังเตือนสหรัฐให้หลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ ซึ่งจะทำให้มีการปิดทำการหน่วยงานของรัฐบาล และส่งผลกระทบฐานะการคลังและเศรษฐกิจของสหรัฐ