นายหวัง ยีหมิง รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการพัฒนาของคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า "การสนับสนุนทางการเงินมีความจำเป็นอย่างมากในการส่งเสริมแนวคิดริเริ่มดังกล่าว เนื่องจากมีความต้องการลงทุนจำนวนมากเพื่อปรับปรุงศักยภาพในการเชื่อมต่อและขยายความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงการผลิตเครื่องมือ"
โครงการริเริ่มเส้นทางเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งได้รับการที่เสนอโดยจีนในปี 2556 นั้น เป็นเครือข่ายการค้าและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบก (Silk Road Economic Belt ) และ เส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 (21st Century Maritime Silk Road ) เพื่อเชื่อมโยงเอเชีย ยุโรปและแอฟริกา
ประเทศต่างๆที่อยู่ตามแนวเขตเส้นทางนี้ ได้กลายเป็นจุดหมายใหม่สำหรับการลงทุนในต่างประเทศของจีน ขณะที่การลงทุนของบริษัทจีนใน 48 ประเทศในภูมิภาคดังกล่าว มีมูลค่า 4.86 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2558 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่า ต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2553-2563 เพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคในภูมิภาคเอเชียให้เทียบเท่าระดับโลก
นอกจากนี้ นายหวังยังได้แนะนำให้สถาบันการเงินต่างๆปรับเปลี่ยนการปล่อยกู้ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น กระจายช่องทางการระดมทุนให้มีความหลากหลายโดยการส่งเสริมการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐบาลและเอกชน รวมถึงการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น