กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ในวันนี้ โดยได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2009 โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.3% และต่ำกว่าการขยายตัวในปีที่แล้วที่ 3.4%
IMF ระบุว่าการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความผันผวนในตลาดการเงิน ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาดโลก ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงขาลงได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นมากกว่าในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 3.6% โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.8%
ทั้งนี้ การเปิดเผยรายงานดังกล่าวของ IMF มีขึ้นก่อนการประชุมร่วมกับธนาคารโลกในสัปดาห์นี้ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู
อย่างไรก็ดี IMF ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ขึ้น 0.1% สู่ระดับ 2.6% จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค.ที่ 2.5%
IMF คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 1.5% ในปีนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ในเดือนก.ค.
IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.8% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี และอยู่ที่ 6.3% ในปีหน้า
ขณะเดียวกัน IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของบราซิลในปีนี้และปีหน้าลง 1.5% โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจบราซิลจะหดตัว 3% ในปีนี้ และหดตัว 1% ในปีหน้า
IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของรัสเซียหดตัว 3.8% ในปีนี้ โดยถูกกระทบจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง และมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติตะวันตก
IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปีนี้ลง 0.2% สู่ระดับ 0.6% แต่ดีกว่าปีที่แล้วที่หดตัว 0.1%
ขณะเดียวกัน IMF ระบุว่าประเทศที่กำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่จะขยายตัว 4.0% ในปีนี้ ลดลง 0.2% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค. โดยเป็นการขยายตัวในอัตราที่ลดลงเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่าประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับกระแสการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทในภาคเอกชน โดยบริษัทในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีระดับหนี้สูงถึง 30% ของจีดีพีของประเทศในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา