"ณ ขณะนี้ดิฉันไม่สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวหลังจากที่ได้ไปศึกษามา" นางคลินตันกล่าวในรายการ PBS NewsHour โดยเธอไม่เชื่อว่าข้อตกลงนี้จะช่วยสร้างงานที่ดีให้กับชาวอเมริกัน อีกทั้งไม่น่าจะมีบทบาทในการเพิ่มค่าจ้างและยกระดับความมั่นคงของประเทศ
นางคลินตันเปิดเผยว่าเธอรู้สึก "วิตกใจ" ในเรื่องของการปั่นค่าเงิน (currency manipulation) ซึ่งไม่ได้รับการบรรจุอยู่ในข้อตกลงดังกล่าว พร้อมเสริมว่า "บริษัทเภสัชภัณฑ์อาจได้รับผลประโยชน์มากขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยและผู้บริโภคอาจเสียผลประโยชน์"
การแสดงจุดยืนคัดค้านของนางคลินตันเกิดขึ้น หลังรัฐบาลสหรัฐได้พยายามโน้มน้าวให้สภาคองเกรสและประชาชนยอมรับข้อตกลงการค้าดังกล่าว โดยข้อตกลง TPP จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติโดยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา
แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐโน้มน้าวว่าข้อตกลงร่วมกับประเทศแถบแปซิฟิกเป็นหนทางในการสร้างงานและวางกฎระเบียบด้านการค้าระหว่างประเทศ แต่บรรดาสหภาพแรงงาน กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อม องค์กรด้านการดูแลผู้บริโภคและบริการสุขภาพทั่วประเทศต่างแสดงจุดยืนคัดค้านเนื่องด้วยความวิตกหลายประการ
"เรารู้สึกผิดหวังที่ทางผู้เจรจาของเราได้เร่งรัดสรุปข้อตกลง TPP ที่แอตแลนต้า เมื่อพิจารณาถึงประเด็นวิตกที่ชาวอเมริกันผู้ถือผลประโยชน์และสมาชิกสภาคองเกรสได้หยิบยกขึ้นมา" นายริชาร์ด ทรัมก้า ประธานสหภาพ AFL-CIO ซึ่งมีอิทธิพลเป็นอย่างมากระบุในแถลงการณ์ "เราจะประเมินรายละเอียดอย่างรอบคอบ และจะโค่นล้มข้อตกลงการค้านี้หากพิจารณาแล้วไม่สมควร"
ด้านสมาชิกพรรครีพับลิกันที่มีอิทธิพลและสนับสนุนนโยบายการค้าบางรายก็ได้ตั้งข้อสงสัยต่อข้อตกลงการค้านี้เช่นกัน
นายออร์ริน แฮตช์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันประจำคณะกรรมการการเงินแห่งวุฒิสภาซึ่งมีอำนาจเหนือการค้า กล่าวว่า "ขณะที่รายละเอียดยังคงปรากฎให้เห็น แต่น่าเสียดายที่ผมเกรงว่าข้อตกลงดังกล่าวดูไม่เป็นไปตามที่คาด"
กลุ่ม 12 ประเทศรอบมหาสมุทรแปซิฟิกได้บรรลุข้อตกลงการค้าเสรีระดับภูมิภาคแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้เกิดเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และจะกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศใหม่ๆในด้านการค้าและการลงทุน
กลุ่มประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ซึ่งนำโดยสหรัฐ มีสัดส่วนราว 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลก
เนื่องจากปธน.โอบามาจำเป็นต้องแจ้งสภาคองเกรสเป็นเวลาอย่างน้อย 90 วันก่อนที่จะมีสิทธิลงนามในข้อตกลง TPP แต่ข้อตกลงดังกล่าวยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าที่ทางสภาคองเกรสจะอนุมัติข้อตกลงนี้
เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าจาก Public Citizen คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสน่าจะเปิดการลงคะแนนเพื่ออนุมัติข้อตกลง TPP อย่างเร็วที่สุดเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจะเปิดฉากขึ้นในรัฐที่มีการลงคะแนนโหวตก่อนอย่างไอโอวาและนิวแฮมพ์เชอร์
ด้านผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหลายรายจากทั้งพรรครีพับลิกันและแดโมแครตได้เริ่มกล่าวโจมตีข้อตกลง TPP ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิตกต่อการว่างงานในสหรัฐ
และเนื่องจากข้อตกลง TPP อาจกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในการหาเสียงชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ ทางสภาคองเกรสอาจประสบกับความยากลำบากในการอนุมัติข้อตกลงดังกล่าวในปีหน้า
ทั้งนี้ สมาชิกหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ประกอบด้วยประเทศออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ สหรัฐและเวียดนาม สำนักข่าวซินหัวรายงาน