ถ้อยแถลงของนายคอฟแมนมีขึ้นในระหว่างอภิปรายเรื่องความซื่อสัตย์ในการดำเนินธรรมภิบาลภาครัฐ ในระหว่างการประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่กรุงลิมาของเปรู พร้อมกับแสดงข้อมูลสถิติดังกล่าวที่สร้างความตกใจนี้ หลังจาก NRGI ได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม นายคอฟแมนระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นต้นทุนโดยตรงอันเกิดจากการทุจริตเท่านั้น ขณะที่การทุจริตไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้โอกาสด้านนวัตกรรมและผลิตภาพสูญหายไป
ผลการศึกษาระบุด้วยว่า ประเทศที่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริต และปรับปรุงหลักนิติธรรมให้ดีขึ้นอย่างมาก จะสามารถคาดหวังรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว นอกจากนี้ยังช่วยลดการตายของทารกได้มากขึ้น และทำให้ระบบการศึกษาดีขึ้นด้วย
เขากล่าวว่า ประเทศที่ควบคุมการทุจริตได้ดีขึ้นจะช่วยให้ดุลงบประมาณดีขึ้นโดยเฉลี่ย 5% ในระยะยาว
จากการศึกษาในครั้งนี้ นายคอฟแมนได้กำหนดนิยามใหม่ของคำว่าทุจริต โดยเขาเชื่อว่าการทุจริตไม่ได้เป็นการทำธุรกรรมง่ายๆระหว่างสองฝ่ายอีกต่อไป แต่เป็นภาษีที่เก็บคนจนและชนชั้นกลางซึ่งนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมในระดับที่สูงขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน