แบงก์ ออฟ ไชน่า ระบุว่า การจัดตั้งศูนย์ธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงานระดับโลกและศูนย์การขายคืนสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกในสิงคโปร์นั้น เนื่องจากธนาคารมองว่าสิงคโปร์เป็นจุดตัดของเส้นทางเดินเรือหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ธนาคารยังระบุว่า สิงคโปร์ยังเป็นศูนย์การซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นศูนย์การซื้อขายธุรกิจการเกษตรที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการกลั่นน้ำมันอีกด้วย
นายแซห์ มูน หมิง ประธาน IE สิงคโปร์กล่าวว่า ในระหว่างการประชุม แบงก์ ออฟ ไชน่า และสำนักงานวิสาหกิจระหว่างประเทศของสิงคโปร์ (IE) ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อร่วมมือกันใน 6 สาขา
ภายใต้ MoU แบงก์ ออฟ ไชน่า จะจัดหาบริการทางการเงินในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (3.57 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อส่งเสริมธุรกิจจากจีนและสิงคโปร์ด้านการลงทุนในประเทศที่อยู่ในเส้นทาง "Belt and Road" ในขณะที่ IE สิงคโปร์และทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมการใช้เงินสกุลหยวนในต่างประเทศ
ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นศูนย์การเงินนอกประเทศจีนแห่งแรกที่มีธนาคารหักบัญชีเงินหยวน และในปี 2557 สิงคโปร์ได้แซงหน้าลอนดอนขึ้นเป็นศูนย์กลางเงินหยวนในต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก สำนักข่าวซินหัวรายงาน