ปธน.สีกล่าวในการประชุมสุดยอด G20 ที่เมืองอันทาเลีย ประเทศตุรกีว่า "จีนมีความเชื่อมั่นและศักยภาพมากพอเพื่อคงอัตราการขยายตัวในระดับปานกลางถึงสูง"
ผู้นำจีนเปิดเผยว่า จีนได้เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตท่ามกลางความยากลำบากของเศรษฐกิจโลก พร้อมเสริมว่าจีนมีสัดส่วนมากถึง 50% ในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมาตั้งแต่ปี 2552-2554
แม้ว่าเศรษฐกิจจีนได้ชะลอตัวลงในช่วงนี้ แต่จีนยังคงมีสัดส่วนถึง 30% ในการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งหมายความว่าจีนยังคงอยู่ในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก
ปธน.จีนได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีน เนื่องจากจีนมีความมุ่งมั่นและมีการดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อยกระดับการปฏิรูปให้ล้ำลึกยิ่งขึ้นและสร้างระบบเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง เช่นเดียวกับศักยภาพอันแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน รวมถึงคำชี้แนะด้านนโยบายของรัฐบาลจีนเอง
จีนได้ยอมรับข้อเสนอในการกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปีฉบับที่ 13 (2559-2563) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "สังคมที่มีความเจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลาง" พร้อมเพิ่มจีดีพีและรายได้ต่อหัวสำหรับทั้งชาวเมืองและชาวชนบทให้มากเป็นสองเท่าภายในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2553
ผู้นำจีนเปิดเผยว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า จีนจะยึดมั่นกับแนวทางการพัฒนาที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม การประสานงาน ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เปิดกว้าง และได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งจะมีการส่งเสริมระบบที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
ประธานาธิบดีจีนเปิดเผยว่า จีนจะเดินหน้าพัฒนาประเทศให้มีความสอดคล้องในหลายภาคส่วน ทั้งการปฏิวัติภาคอุตสาหกรรม ไอที เขตเมือง และการยกระดับภาคการเกษตร
นอกจากนี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จีนจะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและลดการใช้คาร์บอน ยกระดับคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ยกระดับบทบาทของจีนในเศรษฐกิจโลก และดำเนินโครงการ Belt and Road
ปธน.สีให้คำมั่นว่า จีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จะยังคงเดินหน้ายกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนต่อไป พร้อมทำให้มั่นใจว่าประชาชนทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากความรุ่งเรืองของชาติ
ผู้นำจีนกล่าวสรุปว่า ความพยายามเหล่านี้จะเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจจีน พร้อมปลดปล่อยอุปสงค์ให้กับเศรษฐกิจโลก สำนักข่าวซินหัวรายงาน