ในช่วงต้นปีนี้ กระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม (MITI) ของมาเลเซียมอบหมายให้ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ (PwC) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ ทำการประเมินผลเสียและผลดีทางเศรษฐกิจของ TPP ที่อาจจะเกิดขึ้นกับมาเลเซีย ซึ่งเป็นความพยายามที่จะสกัดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศที่มีต่อข้อตกลง TPP ที่มีสหรัฐเป็นแกนนำ
นอกจากนี้ MITI ยังร่วมมือกับสถาบันยุทธศาสตร์และการวิจัยนานาชาติเพื่อดำเนินการ "วิเคราะห์ผลประโยชน์ของชาติ" อีกด้วย โดยรายงานจากทั้งสองฝ่ายได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวานนี้ รายงานทั้งสองฉบับได้สนับสนุน TPP โดยระบุว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย
ผลวิเคราะห์ของ PwC ชี้ให้เห็นว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของมาเลเซียมีแนวโน้มขยายตัว 0.60-1.15% ภายในปี 2570 โดยตั้งสมมติฐานว่ามีการยกเลิกภาษีทั้งหมด และมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีจะลดลง 25 -50% ในทั้ง 12 ประเทศสมาชิกของ TPP ด้วย
PwC รายงานว่า "หากมาเลเซียไม่ได้เข้าร่วมใน TPP การเจริญเติบโตของ GDP จะลดลงเล็กน้อยที่ 0.02-0.03% ในปี 2507 ต้นทุนค่าเสียโอกาสด้านการขยายตัวจะสูงกว่าอย่างมากที่ 0.62-1.18%" ทั้งนี้ ต้นทุนค่าเสียโอกาสคือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นบวกกับผลประโยชน์ที่คาดว่าน่าจะได้รับ