นายดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า "นี่เป็นการต่อต้านรัสเซียอย่างไร้เหตุผล" พร้อมเสริมว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
"ทางรัสเซียจะดำเนินการพิจารณามาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐในระดับเบื้องต้น หลังจากนั้นจะออกมาตรการตอบโต้ตามสมควร ดังที่ทราบกันดี ในกรณีดังกล่าวหลักการพึ่งพาอาศัยกันนั้นเข้ามามีอำนาจเหนือกว่า" เพสคอฟกล่าว "เรารู้สึกผิดหวังที่สหรัฐได้มีการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งขัดต่อช่วงเวลา สามัญสำนึก ทั้งๆที่ควรเดินหน้าทำงานร่วมกันพร้อมสานต่อความร่วมมือ และอีกหลายๆประการ"
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังสหรัฐได้สั่งคว่ำบาตรบุคคลและกลุ่มบุคคล 34 ราย เพื่อกดดันรัสเซียฐานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤติในยูเครน
นายจอห์น สมิธ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมดูแลทรัพย์สินต่างประเทศ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง "ความแน่วแน่ของสหรัฐเพื่อกดดันให้รัสเซียเคารพต่อความมั่นคงและอำนาจอธิปไตยของยูเครน"
การประกาศคว่ำบาตรของสหรัฐเกิดขึ้นหลังจากที่ทางสหภาพยุโรป (EU) ประกาศยืดอายุการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2559
ด้านกระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้ออกมาเตือนว่า การยกระดับการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศถึง "ทางตัน" ขณะที่กระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียชี้ว่ามาตรการดังกล่าว "ไม่ก่อให้เกิดผลดีและขาดวิสัยทัศน์"
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปได้มีการสั่งคว่ำบาตรรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียได้ผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเมื่อปี 2557 อีกทั้งถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการให้การสนับสนุนต่อกลุ่มกองกำลังแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครน โดยรัสเซียได้ออกมาตอบโต้การคว่ำบาตรด้วยการสั่งห้ามนำเข้าอาหารจากสหรัฐ สหภาพยุโรป และอีกหลายๆประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน