นายอัลเฟรโด ฮาลิเฟ-ราห์เม ศาสตราจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัย National Autonomous University (UNAM) ของเม็กซิโก และมีผลงานเขียนหนังสือมาแล้วหลายเล่ม เชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเกิดความเสียหาย
ในบทความที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ตามช่องทางต่างๆในหัวข้อ "สงครามค่าเงินโลกของเฟด: ละตินอเมริกาบนเส้นด้าย" (U.S. Fed's global currency war: Latin America against the ropes) นายฮาลิเฟ-ราห์เมได้เตือนไว้ว่า การตัดสินใจ "เพียงฝ่ายเดียว" จะก่อให้เกิด "ผลข้างเคียงที่รุนแรง" และ "ส่งผลกระทบอย่างมากในด้านภูมิศาสตร์การเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในละตินอเมริกา"
นักวิชาการรายนี้อธิบายว่า เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ "มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก" การตัดสินใจใดๆก็ตามของเฟด ซึ่งเปรียบเสมือน "ธนาคารกลางของโลก" ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
หลังจากที่ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ เฟดส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจะดีดตัวแตะ 1.375% ในปลายปี 2559
นักวิชาการเม็กซิโกได้ตั้งคำถามไว้ว่า "ประเทศต่างๆทั่วโลกและ 'ผู้ฝักใฝ่แนวคิดเสรีนิยมใหม่ในเม็กซิโก' จะสามารถต้านทานผลกระทบจากการปรับเพิ่มดอกเบี้ย 0.25% ติดต่อกันอีก 4 ครั้งได้หรือไม่ เมื่อการปรับเพิ่มดอกเบี้ยครั้งแรกนั้นส่งผลกระทบให้บริษัทก่อสร้างชั้นนำรายหนึ่งของละตินอเมริกาต้องล้มละลาย"
ทั้งนี้ นายฮาลิเฟ-ราห์เม ทิ้งท้ายว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า การที่เม็กซิโกต้องขึ้นอยู่กับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐนั้น ส่งผลให้เงินเปโซเม็กซิโกร่วงลงเกือบ 30% ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน