ข้อมูลดังกล่าวมาจากการจัดทำดัชนี "Developed City in Asia Pacific for Well-Being" ของมาสเตอร์การ์ด โดยดัชนีที่ว่านี้เป็นตัวชี้วัดระดับความเป็นอยู่ที่ดีในภาพรวม ด้วยการสำรวจทัศนคติของประชาชนตามเกณฑ์ประเมิน 4 ประการด้วยกัน ได้แก่ การงานและการเงิน ความปลอดภัยจากภัยคุกคาม ความพึงพอใจ และความเป็นอยู่
ในส่วนของความปลอดภัยจากภัยคุกคามนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจให้คะแนน 59.7 ในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 65.4 เมื่อปี 2557 โดยมีทัศนคติที่ดีลดลงในด้านความรุนแรง อาชญากรรมการเงินและไซเบอร์ การแพร่ระบาดของโรค ตลอดจนภัยธรรมชาติหรือมลภาวะ
ในทางตรงกันข้าม ชาวสิงคโปร์มีทัศนคติที่ดีกว่าในทุกเกณฑ์ประเมินข้างต้นด้วยคะแนน 67.1
สำหรับดัชนีความเป็นอยู่ที่ดีนั้น ชาวฮ่องกงทำคะแนนเป็นอันดับสองในบรรดาเมืองที่พัฒนาแล้วในเอเชียแปซิฟิกด้วยคะแนน 61.8 ตามหลังสิงคโปร์ที่มีคะแนน 63.2 และตามมาด้วยโอ๊คแลนด์ เวลลิงตัน ซิดนีย์ เมลเบิร์น และไทเป
ในแง่ของการงานและการเงิน ฮ่องกงเป็นเมืองพัฒนาแล้วที่มีทัศนคติดีที่สุดเป็นอันดับต้นๆในภูมิภาค โดยสามารถชำระหนี้ได้ตามใบแจ้งยอด อีกทั้งสามารถออมเงินเพื่อซื้อของมูลค่าสูงได้ แต่เมื่อพิจารณาในเรื่องของงานแล้ว ชาวฮ่องกงมีทัศนคติไม่ดีเท่าโตเกียวและสิงคโปร์
ส่วนความเป็นอยู่ที่ดีเป็นเรื่องที่ประชาชนมีความคาดหวังลดลง แต่พวกเขาเชื่อว่าแรงกดดันจากครอบครัว การงาน และการเงินของตนนั้นน้อยสุดเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในภูมิภาค
ทั้งนี้ มาสเตอร์การ์ดได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนราว 16,800 คนตาม 33 เมืองใน 17 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิกเมื่อเดือนพ.ค.2557 - มิ.ย.2558 เพื่อจัดทำดัชนีนี้ โดย 0 หมายถึงมีทัศนคติย่ำแย่ที่สุด ขณะที่ 100 มีทัศนคติที่ดีที่สุด และ 50 จัดว่ามีทัศนคติเป็นกลาง สำนักข่าวซินหัวรายงาน