เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า โฟล์คสวาเกนอาจถูกสั่งปรับเป็นเงินกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นคันละ 37,500 ดอลลาร์ต่อการฝ่าฝืนกฎหมายหนึ่งครั้ง
กระทรวงยุติธรรมได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งในนามของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) ต่อศาลกลางประจำเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน โดยมีโฟล์คสวาเกน ออดี้ และปอร์เช่ เป็นผู้ถูกฟ้องความ
คำร้องเรียนดังกล่าวระบุว่า รถเครื่องยนต์ดีเซลของโฟล์คสวาเกนเกือบ 600,000 คันที่วางจำหน่ายในสหรัฐได้มีการติดตั้งอุปกรณ์อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวทำหน้าที่โกงระบบควบคุมไอเสียเพื่อให้ผ่านมาตรฐานของ EPA จนก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตราย
ซินเธีย กิเลซ ผู้ช่วยผู้จัดการสำนักงานกำกับและควบคุมการปฏิบัติตามกฎหมายของ EPA กล่าวว่า "การยื่นฟ้องคดีวันนี้เป็นก้าวย่างสำคัญในการคุ้มครองชีวิตของประชาชน ด้วยการบีบให้โฟล์คสวาเกนออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการก่อมลพิษทางอากาศอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา"
ก่อนหน้านี้ โฟล์คสวาเกนยอมรับว่าทางบริษัทได้ติดตั้งซอฟท์แวร์ที่ทำให้มีการปล่อยมลพิษน้อยกว่าความเป็นจริงในการตรวจสอบที่สหรัฐ โดยซอฟท์แวร์ที่ทางบริษัทติดตั้งในรถยนต์ดีเซลจะทำให้เครื่องยนต์เข้าสู่โหมดพลังงานสะอาด หากกำลังถูกเจ้าหน้าที่ทำการตรวจจับมลพิษ และหากผ่านพ้นช่วงดังกล่าวโปรแกรมก็จะทำให้รถยนต์กลับมาอยู่ในโหมดขับขี่ปกติ ซึ่งจะทำให้มีการปล่อยมลพิษมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามกฎหมายถึง 40 เท่า
ด้านนายจอห์น ซี ครูเด็น ผู้ช่วยอัยการสูงสุดประจำฝ่ายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในสังกัดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ กล่าวว่า "สหรัฐอเมริกาจะบังคับให้โฟล์คสวาเกนดำเนินการแก้ไขความเสียหายตามความเหมาะสม เพื่อชดใช้การฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยอากาศบริสุทธิ์ของสหรัฐ"
นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า การยื่นฟ้องคดีแพ่งครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่มีการเรียกร้องการแก้ไขความเสียหายทางกฎหมายเพิ่มอีก
ทั้งนี้ โฟล์คสวาเกน ได้ให้คำมั่นในแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทจะดำเนินการประสานงานร่วมกับ EPA เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อให้รถยนต์ประเภท TDI มีการทำงานที่สอดคล้องกับระเบียบปฏิบัติให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน