ประเทศตะวันออกกลางที่กำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปและการเปลี่ยนแปลงนั้น ต่างก็ต้องการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง และผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า จีนซึ่งอยู่ในในฐานะประเทศที่ขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจโลกนั้น จะสามารถแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จ และมอบโอกาสทางธุรกิจแบบที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง แก่พันธมิตรในตะวันออกกลาง
โอกาสจากจีน
นายหลิว เป่าไหล อดีตเอกอัครราชฑูตจีนประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจอร์แดน กล่าวว่า ความสำเร็จของจีน และผลประโยชน์จากความร่วมมือกับตะวันออกกลางจะช่วยให้ประชากรในภูมิภาคนี้มีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งรวมถึงรายได้ และอนาคตที่มีความหวัง
นายหลิวกล่าวว่า ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถดึงดูความสนใจของประเทศตะวันออกกลาง ความเป็นตลาดและเมืองขนาดใหญ่ กลไกการฝึกอบรมที่มีคุณภาพสูง รวมถึงระบบต่างๆ ที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า จีนสามารถรังสรรค์ผลประโยชน์แก่ประเทศคู่ค้าได้อย่างแน่นอน
"ศักยภาพที่แข็งแกร่งทั้งในด้านอุตสาหกรรม พลังงาน เทคโนโลยี การท่องเที่ยว รวมถึงการทำสัญญาในโครงการต่างๆ นี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าตะวันออกกลางควรต้องจับมือกับจีนมากเพียงใด" นายหลิวกล่าว
ด้านนายเหยา กวงหยี อดีตเอกอัครราชฑูตจีนประจำตุรกี ก็แสดงทรรศนะไปในทิศทางเดียวกันว่า จีนสร้างความร่วมมือด้านกำลังการผลิตกับประเทศตะวันออกกลางมาหลายปีแล้ว ซึ่งถือเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาในอนาคต
"จีนและซูดานเปิดตัวโครงการความร่วมมือในการแสวงหาผลประโยชน์จากน้ำมันเมื่อปี 2538 ซึ่งสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 80,000 ตำแหน่ง" นายเหยากล่าว
โครงการพัฒนาน้ำมันระหว่างจีนและซูดานถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือที่มาพร้อมกับผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะปูทางสำหรับความร่วมมือด้านกำลังการผลิตกับประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางต่อไป
โอกาสสำหรับการพัฒนาร่วมกัน
การเยือนประเทศซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ และอิหร่าน ของประธานธิบดีสี จิ้นผิง ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในมุมมองของจีนที่มีต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ แนวคิดริเริ่มโครงการพื้นที่และเส้นทางเศรษฐกิจของจีน (Belt and Road Initiative) จะถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายระหว่างการเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปีที่ผู้นำจีนเดินทางเยือนตะวันออกกลาง นับตั้งแต่เริ่มมีความขัดแย้งในภูมิภาค
นายคาลด์ อับดุล คาลิค ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ศึกษาด้านยุทธศาสตร์และการเมืองอาห์รามแห่งอียิปต์ มองว่า การเยือนตะวันออกกลางของประธานธิบดีจีนจะมีผลต่อข้อตกลงด้านการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาในหลายประเด็น
อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งในภูมิภาคดังกล่าวกลับแย่ลงในปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อตัวเลขการเติบโตของหลายประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม หลายฝ่ายจึงจับตาว่าตะวันออกกลางจะสามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวเพื่อคงความความร่วมมือระดับทวิภาคีนี้ไว้ได้หรือไม่
นายซู เว่ยเล่ย ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางจากมหาวิทยาลัยนานาชาติเซี่ยงไฮ้ เรียกร้องให้ตะวันออกกลางลดความเสี่ยงลง และหันมาตั้งหลักทางการเมืองในระยะยาวเพื่อที่จะยุติความขัดแย้งและสงครามโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ความคิดเห็นของนายซูเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับนโยบายของจีนที่มีต่อชาติอาหรับ ซึ่งจีนเพิ่มเผยแพร่นโยบายดังกล่าวก่อนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางเยือนตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำความมุ่งมั่นของจีนในการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง รวมถึงการใช้ทางเลือกด้านการเมืองเป็นช่องทางในการคลี่คลายความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน