Spotlight: "สี จิ้นผิง" สิ้นสุดเยือนตอ.กลาง มุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์,ความร่วมมือ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 25, 2016 14:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้สิ้นสุดการเดินทางเยือนตะวันออกกลางแล้ว หลังจากที่ได้เยือนอิหร่านเป็นประเทศสุดท้ายในการเดินทางเยือน 3 ชาติตะวันออกกลางอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือ

ประธานาธิบดีจีนได้หารือด้านความร่วมมือกับผู้นำซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ และอิหร่านภายใต้กรอบการทำงานของโครงการ Belt and Road และเปิดเผยโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ อาทิ กำลังผลิตภาคอุตสาหกรรม ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงาน

ในการเยือนตะวันออกกลางของประธานาธิบดีจีนครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดทางให้จีนได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดิอาระเบีย และอิหร่าน ตามลำดับ ในด้านความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม และถือเป็นการกำหนดสถานะการให้ความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นในหลากหลายด้าน

สี จิ้นผิงได้พยายามยกระดับการเจรจาเพื่อเป็นแนวทางคลี่คลายความแตกร้าวในตะวันออกกลาง และเปิดเผยโครงการให้ความช่วยเหลือใหม่ๆเพื่อสนับสนุนการพัฒนา ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นสิ่งสำคัญในการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ

ขณะเดียวกันผู้นำจีนมีจุดยืนที่ชัดเจนว่า จีนไม่ได้พยายามที่จะแก้ไขภาวะ "สุญญากาศ" ในตะวันออกกลาง แต่มีความต้องการที่จะสร้าง "เครือข่ายแห่งความร่วมมือที่ให้ผลประโยชน์ร่วมกัน"

ยกระดับความสัมพันธ์กับอิหร่าน

ในระหว่างการเยือนอิหร่าน ประธานาธิบดีจีนเห็นพ้องกับประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน ที่ยกเพิ่มความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศ

"จีนพร้อมแล้วที่จะร่วมกับอิหร่านเพื่อยกระดับความร่วมมือที่จะมอบประโยชน์ร่วมกันในด้านต่างๆ อาทิ การเมือง เศรษฐกิจและการค้า พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ความมั่นคง และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนเพื่อไปสู่ระดับใหม่" ประธานาธิบดีจีนกล่าว

ด้านประธานาธิบดีฮานีกล่าวว่าอิหร่านจะตอบรับโครงการ Belt and Road อย่างจริงจัง โดยโครงการดังกล่าวนี้เป็นวิสัยทัศน์ที่ปธน.สีผลักดันในปี 2546 เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างกันและการพัฒนาในแนวทางเดียวกันตลอดเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางบนบกและทางทะเลในสมัยโบราณ

ทั้ง 2 ฝ่ายได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าด้วยการร่วมกันดำเนินการโครงการดังกล่าว

ประธานาธิบดีจีนได้ย้ำถึงความสำคัญอันดับแรก 2-3 ประการเกี่ยวกับความร่วมมือเชิงปฏิบัติกับอิหร่าน ภายในกรอบการทำงานโครงการ Belt and Road อาทิ พลังงาน การเชื่อมโยงระหว่างกัน กำลังผลิตอุตสาหกรรม และ การเงิน

เขากล่าวว่า จีนหวังว่าข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านซึ่งได้แก่ ข้อตกลงแผนปฏิบัติการร่วมที่สมบูรณ์แบบในระยะยาว (JCPOA) จะสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น

จีนและอิหร่านเห็นพ้องกันที่จะตั้งกลไกการประชุมประจำปีระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของ 2 ประเทศ โดยผู้นำทั้งสองกล่าวว่า จีนสนับสนุนให้อิหร่านเข้าร่วมเป็นสมาชิกแบบเต็มขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO)

ประธานาธิบดีสียังได้พบนายอะยาตุลเลาะห์ อาลี โฮไซนี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน และ นายอาลี ลาริจานี ประธานรัฐสภาอิหร่าน

ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านเต็มใจผลักดันความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่าง 2 ประเทศสู่ระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอิหร่านเป็นประเทศสำคัญในเส้นทาง Belt and Road และพร้อมที่จะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในการร่วมกันดำเนินการโครงการกับจีน

ส่งเสริมการพัฒนาในตะวันออกกลาง

ประธานาธิบดีจีนได้เดินทางเยือนอียิปต์ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ในการเยือนตะวันออกกลาง และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีที่ผู้นำจีนเดินทางเยือนอียิปต์อย่างเป็นทางการ โดยทั้ง 2 ประเทศกำลังฉลองครบรอบ 60 ปีการก่อตั้งความสัมพันธ์ทางการทูต

ในระหว่างการเยือนอียิปต์ของผู้นำจีนนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายได้ลงนามในเอกสารระยะ 5 ปี เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยเอกสาร 18 หน้าระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะสนับสนุนความร่วมมือในด้านต่างๆ อาทิ การเมือง การค้า และเศรษฐกิจ รวมถึงการทหาร และความมั่นคง

"จีนจะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์กับอียิปต์ โดยเริ่มจากแง่มุมด้านยุทธศาสตร์ในระยะยาว" ประธานาธิบดีจีนเปิดเผยในบทความที่มีเผยแพร่ในหนังสือพิมท์ท้องถิ่นก่อนที่จะเดินทางถึงอียิปต์

สี จิ้นผิงได้เสนอว่า จีนและอียิปต์ควรร่วมกันผลักดันอียิปต์ให้มีส่วนสำคัญในโครงการ Belt and Road พร้อมกับกล่าวว่า จีนและอียิปต์ควรปรับกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนา ตลอดจนการมุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและกำลังผลิตภาคอุตสาหกรรมให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน

ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า จีนพร้อมที่จะร่วมมือในโครงการที่สำคัญของอียิปต์ รวมถึงการพัฒนาแนวคลองสุเอซ และการก่อสร้างเมืองหลวงศูนย์กลางบริหารแห่งใหม่ โดยปธน.สียังได้เชื้อเชิญให้ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตะห์ เอล-ซิซีแห่งอียิปต์เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ในเมืองหางโจวของจีนในเดือนก.ย. ปีนี้

ในระหว่างการเยือนอียิปต์ ผู้นำจีนได้กล่าวสุนทรพจน์สำคัญ ณ สำนักงานใหญ่ของสันนิบาตอาหรับ โดยระบุถึงแนวทางของจีนในการจัดการประเด็นปัญหาในตะวันออกกลาง

ผู้นำจีนกล่าวว่า หัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาความแตกต่างในตะวันออกกลางคือการยกระดับการเจรจา และหัวใจสำคัญในการจัดการอุปสรรค์ต่างๆในภูมิภาคคือการส่งเสริมการพัฒนา

เขากล่าวว่า รัฐบาลจีนเห็นชอบมอบเงิน 50 ล้านหยวน (7.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวปาเลสไตน์ และมอบเงิน 230 ล้านหยวน (ราว 35 ล้านดอลลาร์) ให้แก่ซีเรีย จอร์แดน เลบานอน ลิเบีย และเยเมน เพื่อเป็นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสีได้ประกาศโครงการเงินกู้ยืมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาในตะวันออกกลาง ประกอบด้วยสินเชื่อพิเศษ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และสินเชื่อแบบมีเงื่อนไขผ่อนปรน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงกองทุนการลงทุนรวม 2 หมื่นล้านดอลลาร์

ยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานกับซาอุดิอาระเบีย

ประธานาธิบดีสีเริ่มต้นการเยือนตะวันออกลางที่เป็นซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศแรก โดยได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอาซิส อัล ซาอัด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ผู้นำทั้ง 2 เห็นพ้องกันที่ยกระดับความร่วมมือของ 2 ประเทศไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบครอบคลุม

ประธานาธิบดีสีกล่าวเกี่ยวกับยกระดับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศว่า "ผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันลึกซึ้งมากขึ้น นำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นจากความร่วมมือที่ให้ผลประโยชน์ร่วมกัน และช่วยส่งเสริมและขยายผลประโยชน์ที่เรามีร่วมกันในด้านกิจการระหว่างประเทศและภูมิภาคให้กว้างออกไป"

ระหว่างที่ประธานาธิบดีสีเยือนซาอุดิอาระเบียนั้น ทั้ง 2 ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกำลังการผลิตอุตสาหกรรม โดยเห็นพ้องที่จะเดินหน้าความร่วมมือภายใต้โครงการ Belt and Road นอกจากนี้ ผู้นำทั้ง 2 ยังได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือจำนวนมาก ครอบคลุมภาคต่างๆ ได้แก่ พลังงาน การสื่อสาร สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม อวกาศ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความร่วมมือด้านพลังงานถือเป็นส่วนสำคัญในการเยือนครั้งนี้ ซึ่งระหว่างนี้ผู้นำทั้ง 2 เห็นพ้องกันที่จะสร้างความร่วมมือด้านพลังงานในะระยะยาวและมีความมั่นคง ขณะที่ซาอุดิอาระเบียเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันในต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของจีน

ประธานาธิบดีสียังได้พบกับผู้นำของสภาความร่วมมือของรัฐอาหรับในอ่าวอาหรับ (GCC) โดยเขากล่าวว่า จีนเต็มใจที่จะเดินหน้าความร่วมมือพลังงานที่ครอบคลุมกับประเทศกลุ่ม GCC และพร้อมที่จะเป็นตลาดพลังงานที่เชื่อถือได้ มีเสถียรภาพ ในระยะยาว สำหรับ GCC ซึ่งประกอบด้วย 6 ประเทศ

ผู้นำจีนยังได้เข้าร่วมพิธีเปิดโรงกลั่นน้ำมันยาสเรฟ ซึ่งเป็นการร่วมทุนซึ่งมีมูลค่าการลงทุนเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Sinopec ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของจีนถือหุ้นอยู่ 37.5%

การเปิดตัวโรงกลั่นน้ำมันครั้งนี้ มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาแห่งชาติของซาอุดิอาระเบียและสอดคล้องกับการดำเนินการของจีนที่จะร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคตามโครงการ Belt and Road

ในระหว่างการเดินทางเยือนตะวันออกกลางในครั้งนี้ จีนและ GCC ประกาศว่าทั้ง 2 ฝ่ายมุ่งมั่นที่จะร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) แบบครอบคลุมภายในปี 2559 สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ