นายโยอิชิ เนโมโตะ ผู้อำนวยการของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการเงินระดับภูมิภาคของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วยจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ (อาเซียน+3) กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ภูมิภาคดังกล่าวมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือวิกฤตการณ์ในอนาคต
นายเนโมโตะยังระบุว่า การจัดตั้ง AMRO เมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ ได้ช่วยสร้างประโยชน์ต่อภูมิภาคในรูปแบบเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
เขากล่าวว่า วิกฤตการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก และราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อภูมิภาค
"บางประเทศในเอเชียมีการเกินดุลงบประมาณ ดังนั้นพวกเขาจึงมีทุนสำรองจำนวนมากที่สามารถรับมือกับภาวะผันผวนในอนาคต"
ทั้งนี้ สำนักงาน AMRO ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ ได้รับการเลื่อนสถานะให้อยู่ในระดับเดียวกับสถาบันทางการเงินบางแห่ง เช่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) และ IMF
AMRO ได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนเม.ย.2551 โดยคาดว่า AMRO จะมีบทบาทในการกำกับดูแลการดำเนินงานภายใต้กรอบ "มาตรการริเริ่มเชียงใหม่" หรือ Chiang Mai Initiative Multilateralization ซึ่งเป็นกรอบข้อตกลงสว็อปเงินตราต่างประเทศที่กำหนดขึ้นในปี 2553 เพื่อรับมือกับภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในตลาดการเงินในช่วงเวลาที่เกิดความผันผวนอย่างผิดปกติ