"ประเทศมหาอำนาจของโลกมีความสนใจอย่างเดียวกันคือการส่งเสริมความร่วมมือ ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอ่อนแรงลงและตลาดการเงินยังคงผันผวน" เกา ไห่ฮง สมาชิกอาวุโสแห่งสถาบันเศรษฐกิจและการเมืองโลก ในสังกัดสถาบันสังคมศาสตร์ของจีน (CASS) กล่าว
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถือเป็นไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์เชื่อว่าความไม่แน่นอนในโยบายการเงินของสหรัฐมีส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกตกอยู่ในความปั่นป่วน ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์มองว่า เฟดกำลังเผชิญแรงกดดันให้ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ฮัน แจ จิน นักวิจัยอาวุโสของสถาบันวิจัยฮุนไดระบุว่า เกาหลีใต้จะจับตาทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างใกล้ชิดในปีนี้
ในส่วนของบราซิลนั้นมีกระแสคาดการณ์ว่านายเนลสัน บาร์โบซา รัฐมนตรีกระทรวงการคลังบราซิลจะเปิดเผยการปฏิรูปด้านการคลังและการประกันสังคมของประเทศ ในการประชุม G20 ครั้งนี้ ขณะเศรษฐกิจบราซิลกำลังเผชิญภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ นายหลู จีเว่ย รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีน และนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าธนาคารกลางจีนก็เป็นที่จับตาเช่นกัน เนื่องจากจีนเป็นประธานในการประชุม G20 ครั้งนี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีการหารือกันเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้าง การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการประสานงานกันในด้านนโยบาย
สำหรับรัสเซียนั้น นักวิเคราะห์มองว่า หนึ่งในประเด็นหลักที่รัสเซียจะมีการหยิบยกขึ้นมาในที่ประชุม G20 ครั้งนี้ คือแนวทางรับมือผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์เห็นตรงกันว่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่กลุ่ม G20 ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนั้น จะสามารถประสานงานในด้านนโยบายได้
"ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายควรมุ่งเน้นมาตรการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ" นายเกากล่าว "พวกเขาควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าความผันผวนของตลาดการเงินนั้นเกินความจริงไปจนไม่สามารถสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงได้" สำนักข่าวซินหัวรายงาน