ทังนี้ บาร์เคลย์ สถาบันการเงินชั้นนำของอังกฤษ ประกาศแผนปรับโครงสร้าง โดยจะมีการแยกกิจการเป็น 2 บริษัท เพื่อแยกการลงทุนในธุรกิจวาณิชธนกิจ ซึ่งมีความเสี่ยง ออกจากธุรกิจธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อย
การปรับโครงสร้างดังกล่าวมีขึ้น หลังธนาคารรายงานกำไรในไตรมาส 4 ที่ทรุดตัวลงอย่างมาก
ทั้งนี้ บาร์เคลย์เปิดเผยว่าตัวเลขกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาส 4 ที่มีการปรับปรุงซึ่งรวมถึงรายการพิเศษ เช่น การกันสำรอง ได้ลดลงมากกว่า 50% สู่ระดับ 247 ล้านปอนด์ (344 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน บาร์เคลย์ประกาศลดการจ่ายเงินปันผลสำหรับปีนี้ สู่ระดับ 3 เพนซ์ต่อหุ้น
นอกจากนี้ บาร์เคลย์ยังประกาศแผนที่จะขายหุ้น 62.3% ในการดำเนินงานในแอฟริกาในช่วง 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ธนาคารบาร์เคลย์ แบงก์ ออฟ เคนยา (BBK) ระบุว่า ทางธนาคารไม่มีแผนที่จะถอนตัวจากเคนยา ถึงแม้บาร์เคลย์ประกาศการขายหุ้นในการดำเนินงานในแอฟริกา และถอนตัวในหลายประเทศ โดย BBK ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น และการดำเนินงานในแอฟริกา
นายเจเรมีย์ อาวอรี กรรมการผู้จัดการของ BBK กล่าวว่า ทางธนาคารยังคงมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ บาร์เคลย์ ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของอังกฤษ ประกาศในเดือนม.ค.ว่า ทางธนาคารจะปลดพนักงานราว 1,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย พร้อมกับถอนตัวออกจากหลายประเทศ โดยบาร์เคลย์จะปิดกิจการในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย บราซิล และรัสเซีย
อย่างไรก็ดี ธนาคารจะยังคงดำเนินกิจการในจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย
บาร์เคลย์ระบุว่า ธนาคารจะปิดแผนกวิจัยหุ้น, ฝ่ายขาย และเทรดดิ้ง รวมทั้งธุรกิจซื้อขายหุ้นกู้แปลงสภาพในเอเชีย และกำลังพิจารณาเกี่ยวกับการถอนตัวจากธุรกิจโลหะมีค่า
บาร์เคลย์ได้ขยายธุรกิจหลักทรัพย์ในเอเชียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2014 ธนาคารได้ยกเลิกแผนที่จะเป็นวาณิชธนกิจระดับโลก และประกาศปลดพนักงานในแผนกดังกล่าวจำนวน 7,000 คนทั่วโลก
บาร์เคลย์ระบุว่า ทางธนาคารจะหันกลับมาให้ความสนใจต่อธุรกิจวาณิชธนกิจในอังกฤษ และสหรัฐ