นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า จีนสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจตามแผนระยะ 5 ครั้งที่ 12 แม้ว่าจีนเผชิญกับภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจในต่างประเทศทีมีความซับซ้อนและท้าทาย แต่รัฐบาลก็ยังสามารถดำเนินการปฏิรูป การพัฒนา และรักษาเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีเสถียรภาพได้ ด้วยการผลักดันเศรษฐกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะเวลา 5 ปี และผลักดันการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ นายหลี่กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในช่วงเวลา 5 ปี (2554-2558) มีการขยายตัวในอัตรา 7.8% ซึ่งการเติบโตในระดับนี้ ช่วยให้จีนยังคงเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เปํนอันดับ 2 ของโลก อีกทั้งยังทำให้จีนเป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดของโลก และเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของโลกด้วยเช่นกัน
"ภาคบริการของจีนมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบเศรษฐกิจ ขณะที่การอุปโภคบริโภคได้กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจ ส่วนปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยของ GDP ปรับตัวลดลง 18.2% และการปล่อยมลภาวะปรับตัวลดลงกว่า 12%" นายหลี่กล่าว
นายกรัฐมนตรีจีนยังกล่าวด้วยว่า ภาคสาธารณูปโภคมีการฟื้นตัวเป็นวงกว้าง และการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เกิดผลเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ จีนยังประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศที่ใช้นักบิน ตลอดจนโครงการสำรวจดวงจันทร์ และการสำรวจทะเลน้ำลึก รวมทั้งงานวิจัยด้านการสื่อสารด้วยควอนตัม และโครงการวิทยาศาสตร์ด้านอื่นๆ
นอกจากนี้ นายหลี่ระบุว่า รัฐบาลประสบความสำเร็จในการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น โดยความเหลื่อมล้ำของรายได้ประชาชนในพื้นที่เขตเมืองและพื้นที่ห่างไกล ได้ปรับตัวลดลง และมีการกระจายการประกันสุขภาพอย่างทั่วถึง โดยประชาชนกว่า 100 ล้านคนในพื้นที่ห่างไกลสามารถหลุดพ้นจากความยากจน และประชาชนกว่า 300 ล้านคนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย