ประธาน CBRC กล่าวนอกรอบการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ว่า ภาคธนาคารจีนยังคงอยู่ในภาวะที่น่าพอใจและมีเสถียรภาพ
สัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio) ของธนาคารพาณิชย์จีน ณ สิ้นปี 2558 นั้นอยู่ที่ 13.45% เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงต้นปีเดียวกัน และถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
แม้ว่าสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์นั้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 1.67% เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังจัดว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบตามมาตรฐานสากล
ประธาน CBRC เผยว่า จีนจะยกระดับการควบคุมดูแลเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยมาตรการที่ว่านี้รวมถึง "การบริหารจัดการด้วยชื่อจริง" ขององค์กรที่ติดอยู่ในวงจรการผลิตส่วนเกิน เช่นเดียวกับ "องค์กรผีดิบ" เพื่อช่วยให้ภาคธนาคารสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในการอนุมัติเงินกู้
นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของธนาคารด้วย
ประธาน CBRC ได้กล่าวถึงการที่บริษัทจัดอันดับบางรายได้ตัดสินใจลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้จีน โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็น "การมองภาคธนาคารจีนอย่างผิดๆ"
เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของจีน ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" โดยมูดี้ส์ระบุถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับศักยภาพของทางการจีนในปฏิรูปเศรษฐกิจ รวมทั้งหนี้สินของรัฐบาลที่สูงขึ้น และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลง
ทั้งนี้ มูดี้ส์ระบุว่า การปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ความแข็งแกร่งด้านการคลังของจีนจะยังคงอ่อนแรงลง และจากการที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศปรับตัวลง โดยในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมานั้น ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนทรุดฮวบลง 7.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ มูดี้ส์ระบุว่า การที่จีนไม่สามารถดำเนินการปฏิรูปได้อย่างเต็มที่นั้น ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของจีนมีความเสี่ยงที่จะถูกสั่นคลอน