กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุวันนี้ว่า การทรุดตัวของราคาน้ำมันไม่มีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกจนกว่าอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับตัวขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะฟื้นตัวขึ้น
ก่อนหน้านี้ IMF เชื่อว่าการดิ่งลงถึง 65% ของราคาน้ำมันจะให้ผลบวกสุทธิต่อเศรษฐกิจโลก โดยประโยชน์ที่ประเทศที่นำเข้าน้ำมันได้รับ จะมากกว่าความเสียหายของประเทศที่ส่งออกน้ำมัน
อย่างไรก็ดี ผลบวกต่อการบริโภคในประเทศที่นำเข้าน้ำมัน เช่น ยูโรโซน กลับมีน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
"เรายังไม่เห็นผลบวกที่เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะได้รับ โดยเรามีความเห็นว่าประโยชน์ที่โลกได้รับจากราคาน้ำมันที่ระดับต่ำจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อราคาได้ฟื้นตัวขึ้น และประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมีความคืบหน้าจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในขณะนี้" IMF ระบุ
IMF ระบุว่า ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกก่อนที่ราคาน้ำมันเริ่มดิ่งลง หมายความว่า บรรดาธนาคารกลางได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำมากแล้ว ทำให้ธนาคารเหล่านี้ไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไปเพื่อขจัดแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดที่เกิดจากต้นทุนการผลิตที่ลดลงอันเนื่องจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน การลดลงของเงินเฟ้อจึงส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงปรับตัวขึ้น ทำให้อุปสงค์ร่วงลง และเป็นปัจจัยขัดขวางการเพิ่มขึ้นของผลผลิต หรือการจ้างงาน