ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่า งบประมาณที่ประเทศต่างๆทุ่มให้กับกองทัพเพื่อทำสงครามในตะวันออกกลางในปี 2558 พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนๆ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) และสงครามในเยเมนที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย รวมถึงความเกรงกลัวต่ออิทธิพลของอิหร่าน
รายงานของ SIPRI ยังระบุด้วยว่า การขยายอิทธิพลของจีนในบริเวณทะเลจีนใต้ และการสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน รวมถึงการผนวกไครเมียเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียนั้น ส่งผลให้การใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้นอีก 1 % ของอัตราการค่าใช้จ่ายที่แท้จริงเมื่อเทียบกับปี 2557
งบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ถูกนำไปใช้ในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในการโจมตีทางอากาศ เพื่อทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย รวมถึงการโจมตีกลุ่มมุสลิมนิกายชีอะห์และพันธมิตรในเยเมนที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย
อย่างไรก็ตามในปี 2558 สหรัฐเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณในการเสริมสร้างกำลังกองทัพมากที่สุดราว 5.96 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีจีนตามมาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 2.15 แสนล้านดอลลาร์ และซาอุดิอาระเบียอันดับ 3 อยู่ที่ 8.72 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของค่าใช้จ่ายทางการทหารที่ใช้ในปี 2549