องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) แนะนำให้ญี่ปุ่นปรับขึ้นภาษีการบริโภค จากปัจจุบันที่ระดับ 8% สู่ระดับ 15% ในอนาคต
นายอังเกล กูร์เรีย เลขาธิการ OECD ได้แสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากพบปะหารือกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียวในวันนี้ โดยนายกูร์เรียกล่าวว่า สาเหตุที่ OECD แนะนำให้ญี่ปุ่นปรับขึ้นภาษีการบริโภคขึ้นสู่ระดับ 15% นั้น เนื่องจากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขจีดีพีของญี่ปุ่นนั้น อยู่ในระดับที่สูงมาก และภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นก็อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศอื่นๆ
นายกูร์เรียกล่าวว่า ญี่ปุ่นควรจะปรับขึ้นภาษีการบริโภคสู่ระดับ 10% ตามที่กำหนดไว้ในเดือนเม.ย.ปีหน้า และควรจะปรับขึ้นภาษีเป็น 15% ในอนาคต เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจจะทรุดตัวลงอย่างหนักเหมือนกับในปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่วาณิชธนกิจเลห์แมน บราเธอร์สล้มละลาย หรือเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่
ทั้งนี้ เลขาธิการ OECD กล่าวว่า การปรับขึ้นภาษีการบริโภคเป็น 10% นั้น ยังไม่เพียงพอต่อการรับมือกับภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจ หรือสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันข้างหน้า
นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่า ในปัจจุบัน ภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศในกลุ่ม OECD ยืนอยู่ที่ 20% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นภาษีการบริโภคขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 10% เพื่อสนับสนุนสถานะการคลังให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ OECD มองว่า ญี่ปุ่นควรจะปรับขึ้นภาษีการบริโภคอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น ปรับขึ้น 1% ต่อไป เพื่อลดผลกระทบด้านลบที่อาจจะมีต่อการอุปโภคบริโภคของประชาชน