ผู้เชี่ยวชาญชาวสิงคโปร์มองว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเป็น "ดุลยภาพใหม่" ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็มีข้อดี เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจจีนนั้นเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว
ศาสตราจารย์จอห์น หว่อง จากสถาบันเอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า "เศรษฐกิจจีนชะลอตัว แต่ก็เป็นไปตามมาตรฐานของจีน เราไม่สามารถหวังให้เศรษฐกิจจีนเติบโต 6-7% ได้ตลอดไป ไม่มีประเทศไหนในโลกที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับสูงเช่นนี้" หนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงาน
เมื่อปี 2558 เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.9% เทียบรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับต่ำที่สุดของจีนนับตั้งแต่ปี 2533 จนก่อให้เกิดกระแสวิตกว่าเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกจะเผชิญกับภาวะฮาร์ดแลนดิ้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์หว่องมองว่า แท้จริงแล้วดุลยภาพใหม่นี้เปิดโอกาสให้จีนสามารถส่งเสริมการปฏิรูปและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
เขากล่าวว่า "ขณะนี้เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง จากที่แต่เดิมได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายนอกและแรงงาน จนปัจจุบันเริ่มมีแรงหนุนจากภายในประเทศและอาศัยเงินทุนมากขึ้น"
ภาคบริการของจีนคิดเป็นสัดส่วน 50.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2558 เมื่อเทียบกับ 48.1% เมื่อปี 2557 โดยนับเป็นครั้งแรกที่ภาคบริการมีสัดส่วนเกิน 50% สำนักข่าวซินหัวรายงาน