นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผู้นำกลุ่ม G7 ตกลงที่จะใช้ทั้งนโยบายการเงิน การคลัง และนโยบายเชิงโครงสร้าง เนื่องจากบรรดาผู้นำต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะวิกฤต
"เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะวิกฤต หากเราตอบสนองเรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้นเราจึงตกลงที่จะส่งเสริมนโยบายการเงิน การคลัง และนโยบายเชิงโครงสร้างร่วมกัน" นายอาเบะกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังจากการประชุมผู้นำ G7 เสร็จสิ้นลงในวันนี้
นอกจากนี้ นายอาเบะยังเปิดเผยว่า ผู้นำ G7 จากอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาอุปทานล้นตลาดในจีน
"จีนตอบสนองเรื่องนี้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ" นายอาเบะกล่าว พร้อมกับเพิ่มเติมด้วยว่า บางมาตรการที่รัฐบาลจีนนำมาใช้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านการผลิตนั้นเสี่ยงที่จะบิดเบือนกลไกตลาด
สำหรับกระแสคาดการณ์ที่ว่านายอาเบะอาจจะเลื่อนแผนการปรับขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภคอีก 2% เป็น 10% ออกไปจากกำหนดเดิมในเดือนเม.ย.ปีหน้านั้น นายกฯญี่ปุ่นได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า เขาจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาสูงในเดือนก.ค.นี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน