แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดการการลงทุนของอังกฤษระบุว่า ผลลัพธ์ของการลงประชามติของสหราชอาณาจักรว่าจะยังคงเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปหรือไม่นั้นมีความไม่แน่นอนสูงมาก และจะทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดการเงินไปจนกว่าจะถึงวันลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
นายริชาร์ด เทอร์นิลล์ นักวางแผนกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกของแบล็คร็อคกล่าวสรุปว่า "ผลลัพธ์ของการลงประชามติมีความไม่แน่นอนสูง และเราคาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดในระยะสั้น"
นายเทอร์นิลล์กล่าวว่า แบล็คร็อคมองว่า การทำประชามติว่าจะแยกตัวออกจาก EU หรือไม่เป็น "ความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับตลาดโลก" และหากอังกฤษโหวตแยกตัวจะส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงในตลาดโลกมีความเปราะบาง
หากอังกฤษโหวตแยกตัวออกจาก EU จะส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินอื่นๆของสหภาพยุโรปและสกุลเงินปอนด์ก็จะปรับตัวลดลงอย่างมาก
ส่วนหลักทรัพย์ของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางจะปรับตัวลดลงภายใต้สถานการณ์นี้ และแบล็คร็อคแนะนำให้นักลงทุนของอังกฤษควรจะพิจารณาป้องกันความเสี่ยงจากผลพวงของ Brexit หรือการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
"ผลการทดสอบภาวะวิกฤตของเราบ่งชี้ว่า ทรัพย์สินของสหภาพยุโรป ตลาดการเงินโลก และตลาดหุ้นจะมีความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังจะมีความเสี่ยงด้านการเมืองมากขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนในเรื่องผู้ที่จะมาทำหน้าที่ต่อจากนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เราเชื่อว่าทรัพย์สินที่มีความปลอดภัยจะได้รับอานิสงส์" นายเทอร์นิลล์กล่าว
การออกเสียงให้ถอนตัวจาก EU มีแนวโน้มที่จะสร้างภาวะผันผวนอย่างหนักให้กับตลาดโลกและทรัพย์สินเสี่ยง ซึ่งรวมถึงหุ้นและสินเชื่อที่จะได้รับผลกระทบจากการลดความเสี่ยง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองและการพลิกผันของแนวโน้มในตลาดโลกจะทำให้ความเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี หากอังกฤษโหวตว่า จะยังคงอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป แบล็คร็อคคาดว่า เงินปอนด์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นและจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยง สำนักข่าวซินหัวรายงาน