นายเดวิด ลิปตัน รองผู้อำนวยการอันดับหนึ่งของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาเตือนให้จีนเร่งจัดการกับหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ โดยระบุว่าหากไม่เร่งจัดการในเรื่องดังกล่าว จีนอาจจะเผชิญกับความเสี่ยงสูงในระหว่างที่จีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางศรษฐกิจ จากเดิมที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ไปเป็นการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ
นายลิปตันกล่าวปาฐกถาในการประชุมทางเศรษฐกิจซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเสิ่นเจิ้นของจีนว่า หนี้ภาคเอกชนของจีนยังคงอยู่ในระดับที่สูงจนน่ากังวล และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ซึ่งจีนจะต้องเร่งจัดการปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว ตามที่จีนให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
IMF ระบุว่า เงินกู้ของภาคเอกชนในธนาคารราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ของจีนนั้น เป็นเงินกู้ของบริษัทที่ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งหากไม่มีการแก้ไข ก็จะทำให้ธนาคารขาดทุนเป็นจำนวนเงินเท่ากับ 7% ของจีดีพี
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า หนี้ภาคเอกชนของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 160% ของจีดีพี ซึ่งเป็นระดับที่น่ากังวลอย่างมาก ขณะที่นายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การขยายตัวของจีนที่เกิดจากการก่อหนี้ จะทำให้จีนอยู่ในสภาพที่เหมือนกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงินในปี 2008