ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด เริ่มส่งคลื่นกระทบในวงการธุรกิจและการเงินตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขณะที่ใกล้ถึงวันลงประชามติเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
แม้ก่อนหน้านี้ผลสำรวจระบุว่า ประชาชนอังกฤษยังมีความคิดเห็นระหว่างอยู่หรือไปเป็นสัดส่วนเกือบ 50-50 เท่ากันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่ผลการสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ชาวอังกฤษที่มีความเห็นสนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ขณะนี้มีจำนวนมากกว่าผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงอยู่ในยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 70.79 จุด หรือ 1.16% แตะที่ 6,044.97 จุดเมื่อคืนนี้ ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
ส่วนเงินปอนด์เคลื่อนไหวขึ้นลงผันผวนเมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกต่อทิศทางที่ไม่แน่นอนของการลงประชามติ โดยเมื่อวานนี้เงินปอนด์ได้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์เทียบดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นๆของการซื้อขาย
ศาสตราจารย์ จอห์น เคอร์ติช จากมหาวิทยาลัยสแตรธไคลด์ของสกอตแลนด์ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดังกล่าวซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของผลการสำรวจอื่นๆที่เลือกมาทั้งหมด ขณะนี้น่าจะแสดงให้เห็นว่าประชาชน 52% เลือกที่จะไป และที่เหลืออีก 48% เลือกที่จะอยู่ต่อ โดยนักวิชาการผู้นี้ชี้ว่า นับเป็นครั้งแรกที่ประชาชนเลือกที่จะไปมากเช่นนี้
ผลการสำรวจล่าสุดของ ICM ยังระบุว่า สัดส่วนประชาชนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกฝ่ายนั้นได้ปรับตัวลดลงเหลือ 6% เมื่อเทียบกับสองสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งมีประชาชนยังไม่ได้ตัดสินใจ 13%
ด้านผลสำรวจความคิดเห็นจาก Bruges Group แสดงให้เห็นส่วนต่างมากที่สุดระหว่างฝ่ายที่เลือกจะอยู่ (33%) กับฝ่ายที่สนับสนุนอังกฤษออกจาก EU (52%) ขณะที่อีก 15% ยังไม่สามารถตัดสินใจได้
นายโรเบิร์ต อูลด์ส ผู้อำนวยการของ Bruges Group กล่าวว่า "ผลการสำรวจใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ลงคะแนนส่วนใหญ่ประสงค์ที่จะจัดการในเรื่องของเศรษฐกิจกับ EU มากกว่าทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจและการเมือง โดยรวมถึงกลุ่มผู้ลงคะแนนที่อาจเลือกอยู่กับ EU ด้วย"
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในภาวะผันผวนอย่างหนัก โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงกว่า 130 จุดเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปต่างก็ร่วงลงอย่างถ้วนหน้า
ผู้นำอังกฤษและเยอรมนีต่างก็ออกมาย้ำเตือนชาวอังกฤษถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากแยกตัวออกจาก EU โดยนางอังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวย้ำเมื่อวานนี้ว่า ชาวอังกฤษควรลงประชามติสนับสนุนการรวมตัวกับ EU ในวันที่ 23 มิ.ย. นี้ โดยระบุว่า การที่อังกฤษยังคงอยู่ใน EU จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ขณะที่นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนว่า หากอังกฤษถอนตัวออกจาก EU จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสูงอยู่ราว 4,300 ปอนด์ (6,200 ดอลลาร์) และปัญหาการอพยพเข้าเมืองของคนต่างถิ่นซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่นั้น จะไม่สามารถแก้ไขได้หากอังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิก EU
นอกจากนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า การถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รุนแรง