ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 2 หลังมีการเปิดเผยข้อมูลยอดขายรถยนต์ และดุลการค้าสหรัฐ
การขยายตัวที่ระดับ 2.4% อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 2.6% ในวันที่ 1 ก.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.1% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 4.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันผลักดันให้การนำเข้าเพิ่มขึ้น และการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดการส่งออก
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.
หากปรับค่าตามเงินเฟ้อ สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ 6.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. เทียบกับระดับ 5.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.
สหรัฐส่งออกสินค้าลดลง 0.2% สู่ระดับ 1.198 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ขณะที่ตัวเลขส่งออกสินค้าและบริการลดลง 0.2% สู่ระดับ 1.824 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ สหรัฐนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 1.821 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 34.19 ดอลลาร์ในเดือนพ.ค. สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากระดับ 29.48 ดอลลาร์ในเดือนเม.ย.
เคลลี บลูบุ๊ค เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์สหรัฐอาจพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยคาดว่าจะพุ่งขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 8.66 ล้านคัน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายในเดือนมิ.ย.จะทะยานขึ้น 5.4% สู่ระดับมากกว่า 1.5 ล้านคัน โดยฟอร์ด ฮอนด้า เฟียตไครสเลอร์ และนิสสัน ต่างรายงานยอดขายเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. ขณะที่เจเนอรัล มอเตอร์ และโฟล์คสวาเกนมียอดขายลดลง
ฟอร์ด มอเตอร์รายงานยอดขายพุ่งขึ้น 6% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่เฟียตไครสเลอร์ทะยานขึ้น 7% ฮอนด้าเพิ่มขึ้น 3% นิสสัน มอเตอร์ วิ่งขึ้น 13%
ส่วนเจเนอรัล มอเตอร์มียอดขายลดลง 2% และโฟล์คสวาเกนทรุดลง 22% โดยได้รับผลกระทบจากข่าวอื้อฉาวเรื่องการโกงการตรวจสอบไอเสียของรถยนต์ดีเซล