รัฐบาลกลางเยอรมนีมีมติเห็นชอบให้ยืดแผนการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างสมดุลตลอดระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอันเป็นผลมาจากการถอนตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปหรือ Brexit และการไหลทะลักเข้าประเทศของผู้อพยพอีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีได้กำหนดรายจ่ายในปี 2560 ไว้อยู่ที่ 3.287 แสนล้านยูโร (ราว 3.644 แสนล้านดอลลาร์) มากกว่ารายจ่ายที่กำหนดไว้ในปีนี้ 3.7% ซึ่งอยู่ที่ 3.169 แสนล้านยูโร และจะเพิ่มเพดานรายจ่ายในปี 2563 ขึ้นไปอยู่ที่ 3.493 แสนล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม เยอรมนีไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพื่อชำระหนี้เกิดใหม่ เนื่องจากที่เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทำให้รัฐได้รับรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลเยอรมนียังตั้งเป้าลดจำนวนหนี้ให้ต่ำกว่า 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในปี 2563 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2545 ที่แผนเศรษฐกิจของเยอรมนีสอดคล้องกับข้อตกลงว่าด้วยเสถียรภาพและการเติบโตของสหภาพยุโรป
นายวูฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีการคลังเยอรมนีกล่าวว่า "เยอรมนียังคงเป็นประเทศที่เชื่อถือได้เนื่องจากพวกเรากำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งของรัฐสำหรับอนาคตโดยไม่ก่อหนี้ใหม่เพิ่มเติม"
ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนียังมีแผนรวบรวมงบประมาณจำนวนกว่า 7.75 หมื่นล้านยูโรให้ทันภายในปี 2563 เพื่อรองรับการหลั่งไหลเข้ามาในประเทศของบรรดาผู้อพยพที่จะมีจำนวนมากขึ้นเนื่องจากผู้คนเหล่านี้ไม่สามารถอพยพไปยังสหราชอาณาจักรได้อีกต่อไป
นอกจาหนี้ รัฐบาลเยอรมนียังมีแผนในการอัดฉีดงบประมาณเพื่อเพิ่มการลงทุนภาคสาธารณะในอีก 4 ปีข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นในด้านของโครงการวิจัยและพัฒนา การคมนาคมและการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล รวมไปจนถึงด้านกลาโหมและความมั่นคงภายในประเทศ