สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐรายงานว่า สัดส่วนของครัวเรือนซึ่งถือครองบ้านเป็นกรรมสิทธินั้น ได้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 51 ปี โดยมีสาเหตุจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้น และค่าเช่าในระดับสูง ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถซื้อบ้านได้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า มีครัวเรือนจำนวนเพียง 62.9% ที่ครอบครองบ้านในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. โดยต่ำกว่าระดับ 63.4% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ครัวเรือนที่ครอบครองบ้านในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. มีจำนวนต่ำเท่ากับระดับในปี 1965 ซึ่งเป็นปีที่ทางสำนักงานเริ่มการสำรวจ
ครัวเรือนที่มีสมาชิกอายุ 18-34 ปี เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากค่าเช่าที่สูงขึ้น และการเป็นหนี้เพื่อการศึกษา ส่งผลให้อัตราการถือครองกรรมสิทธิบ้านลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สู่ระดับ 34.1%
ที่ผ่านมา ราคาบ้านได้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสูงกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวสหรัฐ ทำให้เป็นปัญหาสำหรับการจ่ายเงินดาวน์สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน
ราคาขายบ้านเฉลี่ยของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 247,700 ดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งอัตราดังกล่าวสูงเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมง