เอดูอาร์โด ปาเอส นายกเทศมนตรีเมืองริโอ เดอ จาเนโร เผยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนนครริโอ เดอ จาเนโร 1.17 ล้านคนในช่วงมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โดยเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 400,000 คน ขณะที่ไม่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาในช่วงดังกล่าว
นายปาเอสเปิดเผยข้อมูลสถิติที่สำคัญในระหว่างการแถลงข่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ของมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาตินั้น โรงแรมในริโอมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 94% และนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 424.6 เรียล (131.7 ดอลลาร์ต่อคนต่อวัน) โดยนักท่องเที่ยวจากสหรัฐมีจำนวนสูงสุด (17%) ตามมาด้วยอาร์เจนตินา (12%) และเยอรมนี (7%)
นายปาเอสระบุด้วยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นไปตามตัวเลขที่ทางการท้องถิ่นคาดการณ์ไว้ที่ราว 350,000-500,000 คน
เขากล่าวว่า โอลิมปิกเป็นกระแสร้อนแรงและส่งผลบวกให้เห็นในทันที โดยการค้าในเขตตอนใต้ของริโอเพิ่มขึ้น 70% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 และในเขตบาร์รา ดา ติจูก้า ซึ่งอยู่ใกล้กับในโอลิมปิก พาร์คนั้น การค้าได้ขยายตัว 30%
"ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกีฬาโอลิมปิกในการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในขณะที่บราซิลกำลังเผชิญกับวิกฤต" นายปาเอสกล่าว
ส่วนในเรื่องเกี่ยวกับไวรัสซิกา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นักกีฬาหลายรายถอนตัวจากการแข่งขัน นายปาเอสกล่าวว่า ไม่พบกรณีผู้ติดเชื่อไวรัสซิกาในระหว่างการแข่งขัน
โดยในระหว่างวันที่ 5-21 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีนักท่องเที่ยวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและคลินิก 8,651 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 2,133 ราย แต่ไม่มีรายใดเข้ารับการรักษาเพราะมีอาการป่วยจากไวรัสซิกา สำนักข่าวซินหัวรายงาน