กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า กำไรหลังการหักภาษีของภาคเอกชนลดลงสู่ระดับ 2.4% ในไตรมาส 2 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 8.1% ในไตรมาสแรก
ทางกระทรวงยังระบุว่า ตัวเลขรายได้มวลรวมภายในประเทศ (GDI) เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2013
มูลค่าของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2011
การลดลงของมูลค่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจได้กระทบตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ราว 1.26% ซึ่งเป็นการส่งผลกระทบมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และนับเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันที่มูลค่าสต็อกสินค้าคงคลังได้ส่งผลกระทบต่อตัวเลขจีดีพี
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังได้ปรับทบทวนตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2014
นอกจากนี้ การใช้จ่ายในภาคธุรกิจลดลง 3.7% ในไตรมาส 2 โดยลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2007-2009