บรรดาผู้นำทางการเมืองและภาคธุรกิจทั่วโลกต่างก็ใช้เวทีการประชุม G20 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน เพื่อประกาศการสนับสนุนการต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตนเอง (protectionism) พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกประเทศเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นการค้าทั่วโลกให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก G20 ร่วมกันผลักดันให้เศรษฐกิจทั่วโลกมีการเปิดกว้างมากขึ้น พร้อมกับเรียกร้องให้ร่วมกันเดินหน้าสนับสนุนการอำนวยความสะดวกและการเปิดเสรี ทั้งในด้านการค้าและการลงทุน
ทั้งนี้ นายสีกล่าวว่า นโยบายกีดกันการค้าเป็นเรื่องที่อันตราย ประเทศสมาชิก G20 ควรต่อต้านนโยบายสร้างกำแพงกีดกันต่อเพื่อนบ้าน และควรให้การส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจโลกที่มีการเปิดกว้างมากขึ้น
ด้านนายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระบุว่า หลายประเทศกำลังหันมาใช้นโยบายกีดกันการค้ากันอย่างแพร่หลาย โดยนายเทิร์นบูลได้ใช้โอกาสนี้ในการเรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองและภาคธุรกิจใช้การเจรจาเป็นช่องทางในประเด็นหลักๆ เช่นประเด็นการค้าและการลงทุน เพื่อฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันและกัน
ขณะที่นายโรเบอร์โต อเซเวโด ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวว่า การต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้าควรนำมาปฏิบัติเป็นรูปธรรม และประชาคมในภาคธุรกิจควรหันมาให้ความร่วมมือในเรื่องนี้ เพราะการกีดกันทางการค้าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศ
นอกจากนี้ นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังเรียกร้องให้ประชาคมภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศให้มากขึ้น โดยระบุว่า หากไม่มีการค้าระหว่างประเทศและไม่มีการลงทุนข้ามพรมแดน ก็จะไม่มีการจ้างงานเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน