นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้
นายไดมอนกล่าวว่า "ไม่มีเหตุผลที่จะต้องวิตกว่าดอยซ์แบงก์จะไม่สามารถผ่านพ้นปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เพราะทางธนาคารมีเงินทุนเป็นจำนวนมาก และมีสภาพคล่องสูง"
"เราต้องการให้ทางธนาคารผ่านพ้นปัญหาไปได้ เนื่องจากจะเป็นผลดีต่อทุกๆคน" เขากล่าว
อย่างไรก็ดี ทางด้านเอชเอสบีซีได้ประกาศปรับลดราคาเป้าหมายของดอยซ์แบงก์สู่ระดับ 14 ยูโร จาก 12 ยูโรก่อนหน้านี้
ราคาหุ้นดอยซ์แบงก์ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ตในวันนี้ แม้ว่ายังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาลดค่าปรับกับทางสหรัฐ ขณะที่ผู้บริหารก็ยังไม่ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว
ณ เวลา 17.22 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นดอยซ์แบงก์บวก 0.52% อยู่ที่ 11.63 ยูโร
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุในวันศุกร์ว่า ดอยซ์แบงก์ ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
หากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ค่าปรับที่ดอยซ์แบงก์จะต้องจ่ายต่อทางสหรัฐก็จะลดลงเป็นอย่างมากจากระดับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องในเบื้องต้น
ทางด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า หากดอยซ์แบงก์สามารถเจรจาลดค่าปรับกับทางการสหรัฐเหลือเพียง 3.1 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้ก็จะเป็นผลบวกต่อผู้ถือหุ้นกู้ของทางธนาคาร แต่ถ้าดอยซ์แบงก์ต้องจ่ายค่าปรับ 5.7 พันล้านดอลลาร์ ก็จะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรในปีนี้ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานเงินทุนของทางธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ