เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า แรงกดดันทางการคลังของกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับได้ผ่อนคลายลง อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นในระยะนี้
ดร. มาซูด อาเหม็ด ผู้อำนวยการภาคพื้นตะวันออกกลางและเอเชียกลางของ IMF กล่าวว่า "นับตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ราคาน้ำมันได้ดีดตัวจากระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ราว 50 ดอลลาร์/บาร์เรล"
เขาคาดว่า ทุกประเทศในกลุ่มรัฐอ่าวอาหรับ ยกเว้นบาห์เรน จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้นในปี 2560
โดยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจของ IMF ระบุว่า ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จะขยายตัวได้ 1.2% ในปีนี้ และ 2% ในปีหน้า ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี จะขยายตัว 2.3% และ 2.5% ในปี 2559 และ 2560 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม นายอาเหม็ดยังได้เตือนรัฐบาลของประเทศต่างๆในภูมิภาคอ่าวอาหรับเกี่ยวกับยอดขาดดุลงบประมาณที่ขยายวงกว้างขึ้น พร้อมแนะให้ลดรายจ่าย ลดเงินอุดหนุน และกระจายเศรษฐกิจให้หลากหลายมากขึ้น แทนการพึ่งพารายได้จากน้ำมันแต่เพียงอย่างเดียว
IMF ประมาณการว่า อัตราหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ของ 6 ประเทศในคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) จะปรับตัวขึ้นจาก 21.3% ในปี 2559 เป็น 26.2% ในปี 2560
ผู้อำนวยการ IMF กล่าวว่า ประเทศสมาชิก GCC จำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพื่อกระจายเศรษฐกิจให้มีความหลากหลาย และส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชน โดยถึงแม้ราคาน้ำมันเริ่มดีดตัวขึ้น แต่คาดว่าราคาจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำในปีต่อๆ ไป