การประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 24 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิมา ประเทศเปรู ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยที่ประชุมให้คำมั่นว่าจะผลักดันการค้าเสรีและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีความคืบหน้า เพื่อรับมือกับนโยบายกีดกันทางการค้า หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศว่า จะใช้มาตรการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐเป็นลำดับแรก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงจุดยืนในการปกป้องการค้าและต่อต้านโลกาภิวัตน์ แนวคิดดังกล่าวได้สร้างความหวั่นวิตกให้แก่บรรดาประเทศคู่ค้าของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเคยประกาศในระหว่างการรณรงค์หาเสียงว่า เขาจะยับยั้งข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) โดยอ้างว่าข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องตกงาน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐอีกด้วย
สำหรับแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเอเปคครั้งนี้ระบุว่า ผู้นำจาก 21 ชาติสมาชิกกลุ่มเอเปคให้คำมั่นว่า จะยืนหยัดต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้าในทุกรูปแบบ และยืนยันว่าจะร่วมมือกันผลักดันการค้าและการลงทุนให้เป็นไปอย่างเสรีและเปิดกว้าง
แถลงการณ์ของที่ประชุมเอเปคยังระบุด้วยว่า "ผู้นำเอเปคเล็งเห็นความจำเป็นที่ประเทศต่างๆจะต้องยื่นมือเข้าไปดูแลในทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ทุกภาคส่วนจะได้รับประโยชน์จากการค้า การลงทุน และระบบตลาดแบบเปิด อย่างเต็มที่"
นอกจากนี้ ผู้นำกลุ่มเอเปคยังได้สนับสนุนข้อตกลง TPP โดยนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ข้อตกลง TPP จะช่วยสร้างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยอยู่บนพื้นฐานของกฎระเบียบที่มีเสรีและเป็นธรรม อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางให้สามารถเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆได้
ส่วนในประเด็นเขตการค้าเสรีแห่งเอเชียแปซิฟิก (FTAAP) นั้น แถลงการระบุว่า "เราเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะมีการสร้าง FTAAP โดยผ่านทางข้อตกลง TPP และข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจแบบครอบคลุมในภูมิภาค"