สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายจากผลพวงของวิกฤตการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะในเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านล้านเยน (1.78 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ถึงเกือบเท่าตัว
ทางกระทรวงฯซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายไว้ทั้งสิ้น 11 ล้านล้านเยนนั้น กำลังพิจารณาที่จะผลักภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยเงินชดเชยและค่าเสียหายของโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะไดอิจิ ไปให้กับผู้บริโภคผ่านทางการขึ้นค่าไฟฟ้า
แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ตัวเลขที่มีการประเมินใหม่ในส่วนของค่าชดเชยความเสียหายนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านล้านเยน จากเดิม 5.4 ล้านล้านเยน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขจัดการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จาก 2.5 ล้านล้านเยน เป็น 5 ล้านล้านเยนโดยประมาณ นอกจากนี้ยังมีการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกจำนวนหลายล้านล้านเยนสำหรับการปลดประจำการเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และการบำบัดน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่โรงไฟฟ้า จากเดิมประมาณการไว้ที่ 2 ล้านล้านเยน
โรงไฟฟ้าดังกล่าวซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทโตเกียว อิเล็คทริก พาวเวอร์ (เทปโก) นั้น ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในเดือนมี.ค. 2554 โดยที่เตาปฏิกรณ์ 3 เครื่องจากทั้งหมด 6 เครื่องเกิดภาวะหลอมละลายอันเนื่องมาจากระบบหล่อเย็นไม่ทำงาน เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นวิกฤตด้านนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติที่เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน ในปี 2529
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมญี่ปุ่นอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทเทปโกเพื่อทำการปฏิรูปองค์กร และมีกำหนดการที่จะร่างแผนฟื้นฟูเทปโกให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยอ้างอิงจากตัวเลขความเสียหายที่มีการประเมินใหม่