นายจัสตินกล่าวในการประชุมสัมมนาซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ว่า การที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลสะท้อนมาจากปัจจัยนอกประเทศและปัจจัยทางวัฏจักร
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน ขยายตัวในอัตราเท่ากันที่ 6.7% ติดต่อกัน 3 ไตรมาสของปีนี้ โดยเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรกและยังอยู่ในทิศทางที่สอดคล้องตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 6.5-7% ในปี 2559 หลังจากในปี 2558 เศรษฐกิจจีนขยายตัวช้าที่สุดในรอบ 25 ปี ที่ระดับ 6.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นายหลินระบุว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ จะพบว่า ถึงแม้ประเทศเหล่านี้มีการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สดใส แต่ก็ไม่ได้เผชิญปัญหาภายในประเทศในลักษณะเดียวกับที่จีนเผชิญอยู่ ดังนั้นจึงถือว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับจีนหรืออาจด้อยกว่าด้วยซ้ำ
นายหลินยังกล่าวด้วยว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของจีน โดยที่เศรษฐกิจจีนนั้นพึ่งพาทั้งภาคการบริโภคและการลงทุนเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ
ทั้งนี้ หากการลงทุนและการบริโภคขยายตัวในระดับที่เหมาะสม เศรษฐกิจจีนก็จะสามารถขยายตัวจนบรรลุเป้าหมายที่ระดับเฉลี่ย 6.5% ในระหว่างปี 2559-2563 ได้ ตามแผนระยะ 5 ปีฉบับที่ 13 ของรัฐบาลจีน สำนักข่าวซินหัวรายงาน