นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีคลังของอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลขายหุ้นในธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้นอีก โดยรัฐบาลได้เข้าถือครองหุ้นลอยด์ แบงกิ้งตามมาตรการช่วยเหลือธนาคารในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก ส่งผลให้หลังจากนี้รัฐบาลอังกฤษไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ปอีกต่อไป
แถลงการณ์ของรัฐบาลอังกฤษระบุว่า ยูเค ไฟแนนเชียล อินเวสต์เมนต์ (UKFI) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ดูแลจัดการหุ้นของลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ได้ตัดขายหุ้นของธนาคารลงเหลือ 5.95%
ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ทางรัฐบาลได้รับการชำระเงินคืนแล้วจำนวน 1.8 หมื่นล้านปอนด์ จากยอดเงินช่วยเหลือทั้งหมดที่รัฐบาลอังกฤษเข้าโอบอุ้มธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ที่มูลค่า 2.03 หมื่นล้านปอนด์
ทั้งนี้ เมื่อปลายปีที่แล้ว นายแฮมมอนด์ ได้ยกเลิกแผนการของนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังคนก่อนหน้าที่จะขายหุ้นของรัฐบาลทั้งหมด 9.1% ในลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป โดยให้เหตุผลว่าในช่วงเวลานั้นเกิดภาวะผันผวนขึ้นในตลาด
นายแฮมมอนด์ ระบุว่า "การส่งมอบธนาคารลอยด์กลับคืนสู่มือของภาคเอกชน และการที่รัฐบาลได้รับเงินที่นำไปให้ความช่วยเหลือธนาคารในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน กลับคืนมาเต็มจำนวนนั้น ถือเป็นงานสำคัญอันดับแรกของรัฐบาล"
ด้านนายอันโตนิโอ ฮอร์ต้า-ออสโอริโอ ประธานบริหารของลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า "การประกาศว่ารัฐบาลอังกฤษไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเราอีกต่อไปนั้น นับเป็นย่างก้าวสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนได้กลับเข้ามาเป็นเจ้าของลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ปอย่างสมบูรณ์ และเป็นการคืนเงินให้แก่ผู้เสียภาษีพร้อมด้วยผลกำไร"
ทั้งนี้ การตัดขายหุ้นของรัฐบาลอังกฤษ ทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ในเวลานี้คือ บริษัทแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐ