ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยรายงานโดยวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างสดใสในปี 2560 โดยที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น ด้วยปัจจัยส่งเสริมจากนโยบายการคลังและนโยบายการเงินของรัฐบาลทั่วโลก
รายงานของบริษัทจัดการกองทุนเอชเอสบีซี โกลบอล แอสเซท เมเนจเมนท์ ระบุว่า มี 4 ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวแปรกำหนดทิศทางภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาคในปี 2560 ได้แก่ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐ หรือที่เรียกว่า "ทรัมป์โปโนมิกส์" การดำเนินนโยบายการคลังและการเงินที่สอดประสานกันของประเทศต่าง รวมไปถึงการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก และการที่หลายประเทศยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป
นโยบายทรัมป์โปโนมิกส์ ทำให้ตลาดผ่อนคลายความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยง และนำไปสู่ภาวะการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของอุปสงค์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยความหวังที่ว่า นายทรัมป์จะดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ยุคแห่งภาวะเงินฝืดดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด
รายงานระบุว่า ทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะหันไปดำเนินโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่สอดประสานกัน โดยที่ภาครัฐจะเริ่มผ่อนปรนความเข้มงวดในนโยบายการคลัง และหันไปร่วมมือกับธนาคารกลางมากขึ้น ขณะที่มาตรการทางการเงินต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบการเงินนั้น ยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
เอชเอสบีซี โกลบอล แอสเซท เมเนจเมนท์ ระบุในรายงานด้วยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะมีความคึกคักขึ้นในปีนี้ ขณะที่เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตสูง และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ยังมีสัญญาณชัดเจนที่บ่งชี้ว่า แรงกระตุ้นจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐ อังกฤษ และยูโรโซนนั้น กำลังก่อตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวเช่นกัน
รายงานระบุว่า ทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี่ยที่ระดับต่ำไว้เช่นนี้ ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2560 ก็ตาม