เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ บริษัทกฎหมายชั้นนำ เปิดเผยว่า ในปีนี้ยอดการควบรวมกิจการ (M&A) ในสหราชอาณาจักรจะปรับตัวลดลงอย่างหนัก ขณะที่นักลงทุนจับตาทิศทางการที่อังกฤษเตรียมถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มชัดเจน
เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ คาดการณ์ว่า เหตุการณ์ Brexit จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นลดลง จนส่งผลให้มูลค่าการควบรวมกิจการปรับตัวลดลงถึงสองในสาม จากเดิม 3.4 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2559 เหลือเพียง 1.25 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2560 หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมานั้นได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากเงินปอนด์ได้อ่อนค่าลงซึ่งทำให้บริษัทต่างชาติใช้ข้อได้เปรียบจุดนี้เพื่อซื้อกิจการอังกฤษ
สำหรับการควบรวมกิจการในภาพรวมทั่วโลกนั้น เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในปีนี้ แต่จะฟื้นตัวในปี 2561
ทั้งนี้ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะเปิดเผยรายละเอียดของแผนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในวันพรุ่งนี้
นางเทเรซา เมย์ ได้กล่าวอย่างชัดเจนในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวสกายนิวส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตนจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อการที่รัฐบาลอังกฤษยังคงมีอำนาจควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ มากกว่าการให้ความสำคัญต่อการที่อังกฤษสามารถเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรป ทันทีที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)
ที่ผ่านมา ภาคการเงินของอังกฤษได้พยายามรณรงค์ให้รัฐบาลยังคงรักษาสถานะของอังกฤษในการเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรปต่อไป เนื่องจากวิตกว่า หากอังกฤษถูกตัดขาดจากตลาดร่วมดังกล่าว จะทำให้บรรดาธนาคารและผู้จัดการกองทุนพากันถอนตัวออกจากอังกฤษเพื่อย้ายฐานเข้าสู่ยุโรป
ตลาดร่วมยุโรปเกิดจากข้อตกลงการค้าเสรีภายใน EU และถือว่ามีความสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์
นอกจากนี้ นางเมย์ยังย้ำจุดยืนว่าอังกฤษจะประกาศใช้มาตรา 50 ตามสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ประเทศสมาชิกจะถอนตัวออกจาก EU ในกรอบเวลา 2 ปี โดยอังกฤษจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมี.ค. ปีนี้