องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้เปิดเผยรายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Situation and Prospects หรือ WESP) ประจำปี 2560 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่า เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้จะขึ้นแท่นเป็นภูมิภาคหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจากยุคเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Recession) ในปี 2552
เมื่อปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกขยายตัวขึ้นเพียง 2.2% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี
รายงานดังกล่าวระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวปานกลางที่ระดับ 2.7% ในปี 2560 และ 2.9% ในปี 2561 ซึ่งเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ มากกว่าจะเป็นสัญญาณว่า อุปสงค์ทั่วโลกกลับมาขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง
ทั้งนี้ เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้จะเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ โดยมีการประมาณการว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของภูมิภาคขยายตัวขึ้น 5.7% ในปี 2559 อันเป็นผลมาจากการบริโภคที่แข็งแกร่ง การลงทุนที่ขยายตัว และนโยบายเศรษฐศาสตร์มหภาคแบบผ่อนคลาย พร้อมคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของ GDP ในปี 2560-2561 อาจเพิ่มขึ้นแตะ 5.9%
อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของภูมิภาคดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่อ่อนแอในปี 2559 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้ปรับตัวลง และส่งผลให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนหดตัวลงในหลายประเทศ อย่างไรก็ดี แม้ภาพรวมของตัวเลขดุลการคลังจะออกมาย่ำแย่ในหลายประเทศ แต่หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ สะท้อนให้เห็นว่า ยังคงมีโอกาสที่ภาคการคลังจะสามารถขยายตัวได้
ขณะเดียวกัน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่มีเสถียรภาพในปี 2559 ได้ช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่สดใสและมาตรการการคลังที่มีประสิทธิภาพ โดย WESP คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.5% ในปี 2560-2561 ลดลงเล็กน้อยจากตัวเลขคาดการณ์ที่ 6.6% ในปี 2559
นายโฮเซ อันโตนิโอ เปโดรซา-การ์เซีย เจ้าหน้าที่กิจการเศรษฐกิจของ UNESCAP ระบุว่า เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงนั้นเป็นผลมาจากการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน
นายโฮเซกล่าวว่า หลังผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2552 จีนได้พยายามฟื้นเศรษฐกิจด้วยการเปลี่ยนรูปแบบจากการพึ่งพาการผลิตและการส่งออก ไปเป็นการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ฉะนั้น หน้าที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลจีนในตอนนี้ คือการหามาตราการรองรับอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม นายโจสกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้