ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ เพื่อให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) อย่างเป็นทางการแล้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า การลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง TPP "ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับแรงงานชาวสหรัฐ"
ทั้งนี้ ข้อตกลง TPP ได้เผชิญภาวะชะงักงันในสภาคองเกรส ซึ่งมีแนวโน้มไม่อนุมัติข้อตกลงดังกล่าว
-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยแผนกลยุทธ์ภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษ เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่อังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ นางเมย์ได้กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของแผนกลยุทธ์ดังกล่าวคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวอังกฤษ โดยรัฐบาลจะมุ่งส่งเสริมศักยภาพทางการผลิต เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จัดการประชุมกับผู้บริหารของภาคการผลิตสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยให้สัญญาว่าทำการปรับลดภาษี และแก้ไขกฎระเบียบต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทดังกล่าว พร้อมขู่ว่า บริษัทใดที่ย้ายฐานการผลิตออกนอกสหรัฐจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับสูง
ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เขาจะปรับลดภาษีจำนวนมากสำหรับชนชั้นกลางและบริษัทเอกชน อีกทั้งยังเสนอมาตรการจูงใจต่อภาคธุรกิจ โดยระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะให้การอนุมัติอย่างรวดเร็ว หากบริษัทใดๆต้องการสร้างโรงงานแห่งใหม่
-- นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลรัสเซียในการกวาดล้างกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ให้สิ้นซาก
ทั้งนี้ นายสไปเซอร์กล่าวว่า "ผมคิดว่าหากมีประเทศใดที่มีจุดมุ่งหมายในการกวาดล้างกลุ่ม IS เหมือนกับสหรัฐ เราก็พร้อมที่ร่วมต่อสู้ด้วย ไม่ว่าประเทศนั้นจะเป็นรัสเซียหรือไม่ก็ตาม"