ประธานาธิบดีและนักการทูตจากประเทศต่างๆทั่วภูมิภาคละตินอเมริกา ได้ให้คำมั่นเพื่อผนึกกำลังต่อสู้กับนโยบายกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ซึ่งมีนโยบายการค้าแบบ "อเมริกาต้องมาก่อน"
บรรดาผู้นำประเทศออกแถลงการณ์ร่วมกันในการประชุมใหญ่ ณ เมืองปุนตากานา สาธารณรัฐโดมินิกันว่า นโยบายกีดกันการค้าจะนำมาซึ่งภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจ ทั้งยังทำให้ตลาดเงินโลกเกิดความผันผวนด้วยเช่นกัน พร้อมกันนี้ยังได้ประณามการเหยียดเชื้อชาติและกระแสแบ่งแยกผู้อพยพ
นายราฟาเอล กอร์เรีย ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ เปิดเผยว่า การสร้างกำแพงตามแนวชายแดนไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา แต่ควรกวดขันในเรื่องการควบคุมให้ครอบคลุมทั่วโลก
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี ให้ดำเนินการสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก เพื่อควบคุมการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและยกระดับความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังลงนามในคำสั่งให้รัฐบาลระงับการมอบเงินช่วยเหลือให้แก่รัฐหรือเมืองต่างๆที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้อพยพผิดกฎหมาย หรือที่เรียกว่า "sanctuary states and cities"
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐยังได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง TPP โดยทรัมป์กล่าวว่า การลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง TPP "ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับแรงงานชาวสหรัฐ" ทั้งยังเตรียมเจรจาแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ที่สหรัฐได้ลงนามไว้ร่วมกับเม็กซิโกและแคนาดา และเล็งส่งตัวผู้อพยพผิดกฎหมายกลับประเทศ 3 ล้านคนด้วย