กลุ่มผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐร่วมติดแฮชแท็ก #BoycottStarbucks (บอยคอตสตาร์บัคส์) ผ่านทางทวิตเตอร์ หลังจากที่สตาร์บัคส์ คอร์ป ประกาศแผนการจ้างพนักงานที่เป็นผู้ลี้ภัยทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ สตาร์บัคส์ได้ประกาศแผนจ้างพนักงานที่เป็นผู้ลี้ภัยทั่วโลกจำนวน 10,000 รายในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้านี้ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการผ่านเข้าประเทศสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบีย เป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐ เป็นเวลา 120 วัน
นายโฮเวิรด์ ชูลซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า ตนเองหวังว่าแผนดังกล่าวจะช่วยคลายความกังวลให้กับพนักงานที่อาจจะรู้สึกไม่สบายใจ ภายหลังจากที่ทรัมป์ได้ลงคำสั่งประธานาธิบดีไปหลายรายการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สตาร์บัคส์จะเสนอตำแหน่งงานที่เกี่ยวกับงานล่ามหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในการให้การสนับสนุนกองทัพสหรัฐในต่างประเทศ ภายหลังจากที่สตาร์บัคส์ได้จ้างงานเยาวชนที่แสวงหาโอกาสและต้องการสร้างชีวิตใหม่ในต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ สตาร์บัคส์เคยประกาศแผนจ้างงานในทำนองเดียวกันมาแล้ว โดยในปี 2557 นายชูลซ์ให้คำมั่นว่า จะจ้างงานทหารผ่านศึกและคู่ครองรวม 10,000 รายภายใน 5 ปี จนถึงปัจจุบันสตาร์บัคส์จ้างงานทหารผ่านศึกรวม 8,000 ราย
ความเคลื่อนไหวบนโลกโซเชียลครั้งนี้เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับแคมเปญ #DeleteUber (ลบบัญชีอูเบอร์) ซึ่งมีขึ้นเพื่อแสดงความไม่พอใจที่อูเบอร์ ผู้ให้บริการเรียกใช้พาหนะตามสั่ง (ODM) ประกาศทางทวิตเตอร์ให้พักการขึ้นค่าโดยสารอัตโนมัติ (Surge Pricing) สำหรับผู้ขับอูเบอร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในระหว่างที่ผู้ขับแท็กซี่ในนิวยอร์กรวมตัวชุมนุมที่สนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อคัดค้านนโยบายควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของปธน.ทรัมป์
ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายมองว่า มาตรการของอูเบอร์เป็นการฉวยโอกาส ด้านอูเบอร์แถลงในเวลาต่อมาว่าเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อความบนทวิตเตอร์ อูเบอร์ไม่มีเจตนาขัดขวางการประท้วงแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการช่วยเหลือผู้ที่เดินทางไปและกลับสนามบิน