ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของยูโรโซนแสดงให้เห็นถึงการเติบโต แนวโน้มเงินเฟ้อ และการจ้างงานที่ดีกว่าคาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว แม้เผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองอันเป็นผลจากการลงประชามติของอังกฤษในการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยูโรโซนมีการขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 0.4% ในไตรมาส 3
ขณะเดียวกัน ยูโรโซนมีการขยายตัว 1.8% ในไตรมาส 4 หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2559 ยูโรโซนมีการขยายตัว 1.7% และเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าสหรัฐในปีเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.6% ขณะที่เป็นอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2554
การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปี 2559 ที่สูงกว่าสหรัฐ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งขณะนั้นกำลังเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก
Claus Vistesen หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยูโรโซนประจำ Pantheon Macroeconomics เปิดเผยว่า แม้ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีการลงรายละเอียด เมื่อดูข้อมูลล่วงหน้าจากฝรั่งเศส ประกอบกับตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นจากธนาคารกลางเยอรมนี (Bundesbank) แล้ว พบว่าอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั่วกันนั้นเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ
Vistesen คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจชะลอตัวลงเล็กน้อยแตะ 1.5% ในปี 2560 "ซึ่งก็ยังอยู่ในระดับที่ดี และเหนือระดับคาดการณ์ระยะยาวของเราในกรอบ 1.0-1.2%"
นอกจากนี้ ยูโรสแตทยังเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในยูโรโซนดิ่งลงสู่ระดับ 9.6% ในเดือนธ.ค. โดยเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในกรีซ และต่ำกว่าระดับ 9.7% ในเดือนพ.ย.
Jennifer McKeown หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรปประจำ Capital Economics เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนได้ปิดฉากปี 2559 ในทิศทางที่ดี ขณะที่เงินเฟ้อก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในเดือนม.ค.
McKeown กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาของคณะผู้กำหนดนโยบายของยุโรป แต่คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) น่าจะยังคงมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนและบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ "ใกล้ๆระดับ 2%"
ด้านเจ้าหน้าที่จาก ECB ระบุว่า อาจมีการปรับเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายเวลาออกไปเกินกว่าเดือนธ.ค. 2560 หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อย่ำแย่ลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน