รัฐบาลเม็กซิโกเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังผลักดันแผนปฏิรูปเพื่อปกป้องเม็ดเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่แรงงานชาวเม็กซิโกส่งกลับประเทศในแต่ละปี ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้ขู่ว่าจะจัดเก็บภาษีจากเงินที่ส่งกลับประเทศเหล่านี้ เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก
รัฐบาลเม็กซิโกระบุว่า แผนปฏิรูปดังกล่าวซึ่งจะถูกนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภานั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สถาบันการเงินของเม็กซิโกสามารถทำการบูรณาการเทคโนโลยีที่จำเป็นเพื่อให้การโอนเงินกลับประเทศทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
นายโฮเซ อันโตนิโอ เมียเด รัฐมนตรีคลังของเม็กซิโกกล่าวต่อบรรดาสมาชิกพรรคในวุฒิสภาว่า "เราจะยื่นแผนปฏิรูปให้รัฐสภาพิจารณา เพื่อบัญญัติกฎหมายที่จะสนับสนุนในด้านการปฏิรูปเทคโนโลยีทางการเงิน"
รายงานระบุว่า คาดว่ารัฐสภาของเม็กซิโกมีความพร้อมที่จะเปิดการอภิปรายเกี่ยวกับแผนปฏิรูปดังกล่าวภายในสิ้นเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางเม็กซิโกประมาณการว่า แรงงานชาวเม็กซิโกที่ทำงานในสหรัฐได้ส่งเงินกลับประเทศรวมมูลค่ากว่า 2.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
ที่ผ่านมา การปรับเปลี่ยนในด้านนโยบายต่างๆของปธน.ทรัมป์ ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อค่าเงินสกุลเปโซของเม็กซิโก ตลอดจนความคาดหวังทางเศรษฐกิจของประเทศ
ขุนคลังเม็กซิโกกล่าวว่า "เราได้สูญเสียเม็ดเงินไปตลอดช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา ไปกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอันเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ของเรากับสหรัฐ แต่หากเราแก้ปัญหาความไม่แน่นอนนี้ได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจของเรามีภาวะที่ผ่อนคลายมากขึ้น" สำนักข่าวซินหัวรายงาน