-- สภาสามัญชน (House of Commons) ของอังกฤษลงมติเมื่อวานนี้ด้วยคะแนนเสียง 498 ต่อ 114 เสียง เห็นชอบต่อร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ มติดังกล่าวจะทำให้ร่างกฎหมาย Brexit ผ่านเข้าสู่กระบวนการทางนิติบัญญัติต่อไป ซึ่งจะมีการพิจารณาในรายละเอียดมากขึ้น โดยพรรคแรงงานจะทำการแปรญัตติร่างกฎหมาย Brexit ในขั้นตอนต่อไป ซึ่งจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อให้รัฐสภาอภิปรายในเนื้อหาที่มีรายละเอียดมากขึ้น
-- สหรัฐประกาศเตือนอิหร่านอย่างเป็นทางการ กรณีที่อิหร่านได้ทำการทดสอบขีปนาวุธเมื่อไม่นานนี้ รวมไปถึงการโจมตีเรือของซาอุดิอาระเบียโดยกลุ่มกบฏฮูตีซึ่งมีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุน
นายไมเคิล ฟลินน์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เป็นการทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลางของอิหร่าน
-- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ธนาคารสหรัฐมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยระบุในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมนโยบายระยะเวลา 2 วันว่า "ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในระดับที่พอเหมาะ"
-- นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า สหรัฐควรยกเลิกคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ
เลขาฯ UN ระบุว่า คำสั่งห้ามผู้ลี้ภัยและผู้อพยพจาก 7 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐ ไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดในการปกป้องสหรัฐหรือประเทศอื่นใด พร้อมกล่าวด้วยว่า "มาตรการนี้ควรถูกยกเลิกโดยเร็ว และไม่ควรรีรอ"